โป๊ะแตก! คนสนิทหมอบีแฉ บ้านหรูไม่ใช่กงสี แต่โอนด้วยเงื่อนไขลับ
แฉปม “บ้านหรู 70 ล้าน” คนใกล้ชิดหมอบีไม่เชื่อเรื่องกงสี เปิดเงื่อนไขโอนบ้านให้ทิดอลงกต ที่ตำรวจมองเห็นเจตนาแอบแฝง
วันที่ 27 สิงหาคม 2568 รายการ “โหนกระแส” ทางช่อง 3 ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในสังคมอีกครั้ง เมื่อ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรคนดัง เชิญแขกรับเชิญผู้ใกล้ชิดกับ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” หรือ นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล มาร่วมเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เคยถูกเล่าที่ไหนมาก่อน โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวพันกับ บ้านหรูมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท ซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
แขกรับเชิญรายนี้คือ นายเต่า บุคคลใกล้ชิดหมอบี ที่ได้เล่าเรื่องราวในอดีตของหมอบี พร้อมทั้งตั้งข้อสงสัยว่า สิ่งที่หมอบีอ้างว่า ครอบครัวมีฐานะร่ำรวยจาก “ธุรกิจกงสี” อาจไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 6-8 ปีก่อน หมอบียังใช้ชีวิตแบบ “คนธรรมดา” ไม่ได้มีร่องรอยของความร่ำรวยหรูหราอย่างในปัจจุบัน
คนใกล้ชิดแฉ: “หมอบีเมื่อก่อนก็แค่คนธรรมดา”
นายเต่าเล่าว่า ตนรู้จักและสนิทกับครอบครัวของหมอบีมานาน หากครอบครัวหมอบีมีฐานะร่ำรวยจริง ย่อมจะสะท้อนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกับน้องสาวของหมอบี แต่ในความจริงกลับไม่ปรากฏลักษณะดังกล่าว
เขาเผยว่า
“ถ้าลึก ๆ เต่าไม่ทราบหรอก แต่เมื่อก่อนอยู่กันแรก ๆ ย้อนไปประมาณ 6-8 ปี หมอบีเป็นคนธรรมดา ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น… ส่วนเรื่องบ้านกงสี เต่าคิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะถ้ามีจริง น้องสาวเขาก็ต้องมีส่วนเหมือนกัน”
คำพูดนี้ตรงกันข้ามกับที่หมอบีเคยยืนยันต่อสื่อว่า บ้านหลังใหญ่สร้างจากเงินของครอบครัว ไม่เกี่ยวข้องกับเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุแต่อย่างใด
คำตอบที่สวนทางกัน: กงสีหรือเงินปราบผี?
ย้อนกลับไปใน โหนกระแส ตอนวันที่ 13 สิงหาคม 2568 หนุ่ม กรรชัยได้เคยถามหมอบีโดยตรงว่า บ้านหรูหลังนี้ใช้เงินจากที่ไหนสร้าง?
หมอบีตอบว่า
“เงินบ้านผม เงินพ่อ เงินแม่ เงินภรรยา เป็นเงินบ้าน”
แต่ในอีกเวทีหนึ่ง รายการ “แฉ” ของ มดดำ คชาภา หมอบีกลับเล่าว่าเงินส่วนหนึ่งมาจากการที่ลูกศิษย์ให้หลังจากตนไป “ปราบผี” หรือทำพิธีต่าง ๆ โดยย้ำว่า ไม่เคยเรียกราคา ใครอยากให้ก็ให้
คำตอบที่แตกต่างกันนี้ จึงยิ่งทำให้เกิดข้อกังขาว่า บ้านหรูมูลค่า 70 ล้านหลังนี้ มีที่มาของเงินอย่างไรแน่
ปมใหญ่: โอนบ้านให้ทิดอลงกต
หนึ่งในประเด็นที่ร้อนแรงที่สุด คือการที่บ้านหลังดังกล่าวถูกโอนกรรมสิทธิ์ไปเป็นชื่อของ ทิดอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ
จากข้อมูลที่ได้มา มีการเปิดเผยลำดับเหตุการณ์ดังนี้
เมษายน 2568 – ทิดอลงกตได้รับข้อมูลจากบุคคลใกล้ชิดของหมอบี ว่ามีการ “ชักเงิน” ออกไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จึงเรียกหมอบีมาพูดคุย
มิถุนายน 2568 – หลังการเจรจา หมอบีตกลงยอมมอบ รถยนต์หรู 3 คัน และ บ้านหลังดังกล่าว ให้กับทิดอลงกต โดยมีการเซ็นโอนบ้านเป็นที่เรียบร้อย
กรกฎาคม 2568 – เมื่อสถานการณ์เริ่มร้อนแรงขึ้น หมอบีจึงกลับมาหาทิดอลงกตอีกครั้ง พร้อมขอทำ สัญญาฉบับใหม่
เงื่อนไขซับซ้อนในสัญญาโอนบ้าน
สัญญาฉบับใหม่ที่หมอบียื่นต่อทิดอลงกต มีเงื่อนไขสำคัญ 2 ข้อที่กลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างมาก
1. บ้านหลังนี้ต้องถูกนำไปใช้เพื่อทำ ศูนย์วิปัสสนา เท่านั้น
2. หากทิดอลงกต ไม่ทำตามเงื่อนไข หรือ เสียชีวิตลง บ้านหลังนี้จะต้องถูกโอนกลับมาเป็นของหมอบีทันที
พูดง่าย ๆ คือ แม้บ้านจะอยู่ในชื่อทิดอลงกต แต่หมอบียังกันทางหนีไว้ด้วยการใส่เงื่อนไขที่ทำให้ตนสามารถกลับมาเป็นเจ้าของได้
ตำรวจชี้เจตนาชัด
ในรายการเดียวกัน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ซึ่งเข้าร่วมรายการด้วย ได้ยืนยันว่า ข้อมูลที่นำเสนอเป็นเรื่องจริง และในโฉนดบ้านมีชื่อทิดอลงกตจริง แต่ท้ายเอกสารก็มี “บันทึกเงื่อนไข” ตามที่กล่าวมา
พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า
“จากเงื่อนไขที่ซับซ้อนดังกล่าว ในมุมมองของพนักงานสอบสวน พอจะมองเจตนาของผู้ทำสัญญาออกได้ ว่าต้องการทำไปเพื่ออะไร”
นั่นหมายความว่า เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเจตนาของหมอบี ไม่ใช่เพียงการ “บริจาคบ้าน” แต่เป็นการจัดการทรัพย์สินให้ตนเองยังมีช่องทางกลับมาได้ในอนาคต
ทำไมบ้านหลังนี้ถึงสำคัญนัก?
บ้านหรูมูลค่า 70 ล้านหลังนี้ไม่ได้เป็นเพียงที่อยู่อาศัย แต่กลายเป็น หลักฐานสำคัญ ในคดี เพราะสะท้อนถึงการใช้เงินจำนวนมหาศาลที่ไม่ชัดเจนว่ามาจากไหน
หากเป็นเงินกงสีจริง ต้องมีหลักฐานธุรกิจที่ตรวจสอบได้
หากเป็นเงินจากการ “ปราบผี” ก็ต้องมีที่มาที่ไปของรายได้
แต่หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นเงินที่ชักออกมาจากวัดหรือเงินบริจาค ก็จะกลายเป็น หลักฐานเอาผิดทางกฎหมายโดยตรง
กระแสสังคม
หลังการเปิดเผยในโหนกระแส กระแสสังคมในโซเชียลร้อนแรงขึ้นทันที
บางคนเห็นใจทิดอลงกต ที่ต้องมารับภาระเรื่องบ้านพร้อมเงื่อนไขยุ่งยาก
บางคนตั้งคำถามว่า ทำไมทิดอลงกตถึงยอมรับสัญญาเช่นนี้ตั้งแต่แรก
หลายคนมองว่า หมอบีพยายาม “สร้างภาพว่าเสียสละ” แต่แท้จริงแล้วไม่อยากเสียบ้านไป
สรุป
กรณี บ้านหรู 70 ล้าน ของหมอบี จึงไม่ใช่เพียงเรื่องบ้านธรรมดา แต่เป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญที่ทำให้เห็นเงื่อนงำเบื้องหลังการเงินและความโปร่งใสของหมอบีเอง
ฝั่งหมอบียืนยันว่าเงินมาจากกงสีและน้ำพักน้ำแรง
ฝั่งคนใกล้ชิดกลับเล่าว่า 8 ปีก่อนยังเป็นคนธรรมดา ไม่มีวี่แววความร่ำรวย
สุดท้ายบ้านถูกโอนเป็นชื่อทิดอลงกต แต่กลับมีสัญญาเงื่อนไขซ่อนเร้นที่เอื้อประโยชน์ต่อหมอบีเอง
ในมุมของกฎหมาย ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาว่า เจตนาของการทำสัญญาเช่นนี้เข้าข่ายการ ปกปิดหรือพยายามรักษาทรัพย์สินจากเงินผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
สิ่งที่สังคมรอคอยคือคำตอบว่า “บ้านหรูหลังนี้” แท้จริงแล้วมีที่มาอย่างไร และใครกันแน่ควรเป็นเจ้าของโดยชอบธรรม






