มารี เบรินเนอร์ รวยด้วยธุรกิจส่วนตัว อยู่หรูหราแม้ไม่เล่นละคร
จากนางเอกสู่ผู้ประกอบการ “มารี เบรินเนอร์” สาวลูกครึ่งไทย–เยอรมัน กับเส้นทางธุรกิจที่เติบโตอย่างมั่นคง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เรามักเห็นศิลปินหรือนักแสดงหลายคนเริ่มผันตัวเข้าสู่เส้นทางการทำธุรกิจ เพื่อต่อยอดจากความสำเร็จในวงการบันเทิงและสร้างความมั่นคงในชีวิต หนึ่งในนั้นคือ มารี เบรินเนอร์ อดีตนางเอกสาวลูกครึ่งไทย–เยอรมัน ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาจากผลงานละครและรายการโทรทัศน์
แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในเส้นทางการแสดง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง มารีก็ตัดสินใจเลือกที่จะขยับไปอีกขั้นด้วยการเป็น ผู้ประกอบการเต็มตัว เปิดธุรกิจในหลายสาย ไม่ว่าจะเป็น ความงาม คาเฟ่บาร์ และร้านพิซซ่าโฮมเมด โดยทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริง ความทุ่มเท และความมุ่งมั่นที่ไม่ธรรมดา
รากฐานชีวิตที่ดี จุดเริ่มต้นของการกล้าลงทุน
มารี เบรินเนอร์ เกิดและเติบโตในครอบครัวที่มีความเป็นสากลสูง คุณพ่อของเธอเป็นถึง ทูตวัฒนธรรมของประเทศเยอรมนี จึงไม่น่าแปลกใจที่มารีจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างมีคุณภาพ ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่หลากหลาย และมีโอกาสทางการศึกษาเต็มที่
แม้ว่าต้นทุนชีวิตของเธอจะสูง แต่สิ่งที่ทำให้มารีแตกต่างจากหลายคนคือ ความตั้งใจจริงในการสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในวงการบันเทิงที่เธอเคยตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก หรือการเริ่มต้นธุรกิจที่เธอเลือกลงมือทำเองตั้งแต่แรกโดยไม่พึ่งพาผู้ช่วย
ก้าวแรกสู่ธุรกิจความงาม Marie’s Brow and Lash Studio
ธุรกิจแรกที่มารีเปิดตัวคือ Marie's Brow and Lash Studio ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางทองหล่อ เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2563 จุดเด่นของสตูดิโอแห่งนี้คือการเป็นร้านต่อขนตาพรีเมียมที่มีมาตรฐานสูง ทั้งด้านคุณภาพ ผลงาน และการบริการ
มารีลงทุนกว่า 7 หลัก ด้วยเงินตัวเองแบบไม่มีหุ้นส่วน พร้อมกับตัดสินใจ ไปเรียนต่อขนตาด้วยตัวเอง เพื่อให้เข้าใจงานและสามารถกำกับคุณภาพได้อย่างใกล้ชิด บริการในร้านมีทั้ง
การดัดขนตากึ่งถาวร
การต่อขนตาแบบเส้นต่อเส้น
การต่อขนตาแบบวอลุ่ม
การสักคิ้วทั้งแบบลายเส้นและแบบฝุ่น
การสักปากชมพู
รวมถึงบริการทำเล็บครบวงจร
การเลือกเปิดธุรกิจในสายความงาม ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่เฉียบคม เพราะเป็นตลาดที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในย่านทองหล่อที่มีทั้งลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติ
ก้าวต่อไป คาเฟ่บาร์ “Tipsy Tuesday”
หลังจากธุรกิจแรกประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับที่ดี ในปี 2565 มารีได้จับมือกับเพื่อนสนิทอย่าง แดนนี่ เบลส เปิดธุรกิจใหม่ในคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างออกไป นั่นคือ Tipsy Tuesday คาเฟ่บาร์สุดชิคที่นำเสนอคอนเซ็ปต์ “Brunch & Bubble”
ความพิเศษของร้านนี้คือ สามารถสั่งอาหารเช้าได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเช้าหรือดึกดื่น อีกทั้งยังมีเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลาย ทั้งแชมเปญ ค็อกเทล และกาแฟคุณภาพดี มารีถึงขั้นการันตีด้วยตัวเองว่า
“สี่ทุ่ม ครัวยังเปิด และยังเสิร์ฟอาหารเช้าให้ได้เหมือนเดิม”
ทำให้ Tipsy Tuesday กลายเป็นแหล่งแฮงก์เอาต์ยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ ที่อยากได้บรรยากาศสบาย ๆ แต่ยังคงมีสไตล์
ธุรกิจล่าสุด Summer’s Pizza พิซซ่าโฮมเมดสไตล์ Neighborhood
ล่าสุด มารีได้เปิดตัวธุรกิจที่สามอย่าง Summer’s Pizza ร้านพิซซ่าโฮมเมดในสไตล์ “Neighborhood Pizzeria” ตั้งอยู่ที่ Seen Space ทองหล่อ ซอย 13
คอนเซ็ปต์ของร้านนี้คือ ความเป็นกันเองและอบอุ่น เหมือนร้านพิซซ่าในชุมชนท้องถิ่นของต่างประเทศ การตกแต่งร้านเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เหมาะสำหรับการนั่งชิลกับเพื่อนหรือครอบครัว
สิ่งที่มารีให้ความสำคัญมากคือการรักษาความเป็นโฮมเมดในทุกเมนู เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสความใส่ใจและรสชาติที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเลือกมานั่งทานที่ร้านหรือสั่งดีลิเวอรี่ ก็ยังคงความอร่อยและอบอุ่นเหมือนเดิม
จากนางเอกสู่นักธุรกิจตัวจริง
แม้ว่าในปัจจุบันมารีจะไม่ค่อยปรากฏตัวในผลงานทางการแสดงเหมือนในอดีต แต่เธอก็ยังคงเป็นที่พูดถึงเสมอ โดยเฉพาะในฐานะ ผู้ประกอบการหญิงรุ่นใหม่ ที่สามารถสร้างธุรกิจได้ถึง 3 กิจการในเวลาไม่กี่ปี
1. Marie's Brow and Lash Studio – ธุรกิจความงามที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้หญิงยุคใหม่
2. Tipsy Tuesday – คาเฟ่บาร์ที่สร้างประสบการณ์การกินดื่มรูปแบบใหม่
3. Summer’s Pizza – ร้านพิซซ่าโฮมเมดสไตล์อบอุ่นในทองหล่อ
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า มารีไม่เพียงแต่เป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จ แต่ยังเป็น นักธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์และกล้าลงมือทำ
บทเรียนจากเส้นทางของมารี เบรินเนอร์
สิ่งที่น่าสนใจจากเรื่องราวของมารี คือการแสดงให้เห็นว่า “ความสำเร็จ” ไม่ได้เกิดจากชื่อเสียงหรือฐานะทางครอบครัวเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัย ความมุ่งมั่น ความกล้า และการลงมือทำจริง
หลายคนอาจมองว่าการเป็นลูกครึ่งและมีครอบครัวที่มีฐานะเป็นต้นทุนที่ดี แต่สิ่งที่ทำให้มารีแตกต่างคือ การไม่หยุดอยู่กับที่ เมื่อถึงจุดอิ่มตัวกับวงการบันเทิง เธอก็เลือกที่จะก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซน และลองทำในสิ่งใหม่ ๆ ที่ท้าทาย
สรุป
เส้นทางจากการเป็น นางเอกสู่การเป็นผู้ประกอบการ ของมารี เบรินเนอร์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า คนเราสามารถสร้างความสำเร็จได้หลายรูปแบบ ไม่จำกัดอยู่เพียงอาชีพเดียว
วันนี้มารีอาจไม่ได้ยืนอยู่หน้าแสงไฟในฐานะนักแสดงเหมือนเดิม แต่เธอกลับสร้าง “แสงไฟ” ในเส้นทางใหม่ของตัวเอง ด้วยการเป็นเจ้าของธุรกิจที่หลากหลายและประสบความสำเร็จ
เรียกได้ว่า แม้จะอำลาจากวงการบันเทิง แต่ มารี เบรินเนอร์ ก็ยังสามารถสร้างรายได้และความมั่นคงได้อย่างสบาย ๆ ผ่านทั้ง 3ธุรกิจที่เธอบริหารด้วยหัวใจและความตั้งใจจริง






















