สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา พุ่งเป้าโจมตีความร่ำรวย ฮุน เซน ตั้งคำถาม "รวยล้นฟ้า แต่กองทัพอดอยาก?"
ในสถานการณ์ที่ความมั่งคั่งส่วนบุคคลของผู้นำกัมพูชาถูกนำมาเปรียบเทียบกับปัญหาเศรษฐกิจของชาติ ก่อให้เกิดคำถามอย่างกว้างขวางถึงการบริหารประเทศที่ผ่านมา นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านพลัดถิ่นที่ปัจจุบันพำนักอยู่ในฝรั่งเศส ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความมั่งคั่งของสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพล โดยระบุว่าทรัพย์สินของเขาอาจสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งเป็นจำนวนที่น่าประหลาดใจเมื่อเทียบกับผู้นำคนอื่นๆ ในภูมิภาคและระดับโลก แม้แต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ยังถูกอ้างว่ามีทรัพย์สินน้อยกว่า ที่สำคัญคือข้อสงสัยนี้เกิดขึ้นในขณะที่กัมพูชาเองกำลังเผชิญกับภาระหนี้สินมหาศาล โดยเฉพาะหนี้ที่ติดค้างกับประเทศจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุด นี่จึงเป็นประเด็นที่ผู้นำฝ่ายค้านพยายามชี้ให้เห็นถึงความไม่สมเหตุสมผลระหว่างความมั่งคั่งส่วนตัวกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
นอกจากประเด็นเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวแล้ว นายสม รังสี ยังได้ขยายความไปถึงสภาพความเป็นอยู่ของทหารกัมพูชาที่ต้องดำรงชีวิตด้วยความยากลำบาก และกองทัพที่ยังคงมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้าสมัยไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ เขายังกล่าวอ้างว่าอาวุธที่ทันสมัยและระบบป้องกันภัยทางอากาศชั้นสูง ไม่ได้ถูกนำไปใช้เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ
แต่กลับถูกนำไปติดตั้งเพื่อปกป้องที่พักส่วนตัวของสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจนภายในกองทัพ และความไม่เป็นธรรมที่ทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่ต้องเผชิญในขณะที่ทรัพยากรของชาติถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน ข้อสังเกตนี้ไม่เพียงแต่เป็นการโจมตีทางการเมือง แต่ยังเป็นการตั้งคำถามถึงการจัดสรรงบประมาณและความสำคัญที่รัฐบาลให้กับการพัฒนาศักยภาพทางการทหารอย่างแท้จริง
ในท้ายที่สุด ผู้นำฝ่ายค้านได้ประกาศจุดยืนและคำมั่นสัญญาต่อประชาชนกัมพูชาอย่างชัดเจน หากเขามีโอกาสได้เข้ามาจัดตั้งรัฐบาลใหม่ สิ่งแรกที่จะดำเนินการคือการตรวจสอบและทวงคืนทรัพย์สินของชาติที่ถูกทุจริตไปเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์สูงสุด
โดยตั้งเป้าหมายที่จะนำเงินที่ได้มาคืนนี้ไปฟื้นฟูประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจ และที่สำคัญคือการเสริมสร้างกองทัพให้มีความแข็งแกร่งและทันสมัย เพื่อให้ทหารทุกคนสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นี่คือการประกาศเจตจำนงที่ต้องการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการต่อสู้กับปัญหาการคอร์รัปชันอย่างจริงจัง และให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและบุคลากรทางการทหาร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน


















