สะเทือนใจ! สธ.บุกตรวจวัดพระบาทน้ำพุ เจอศพดอง-สถานพยาบาลผิดมาตรฐาน
เปิดปม “วัดพระบาทน้ำพุ” กระทรวงสาธารณสุขลงพื้นที่ตรวจสอบ พบศพผู้ป่วย HIV กว่า 20 ศพ – ปัญหาการจัดการที่ต้องแก้ไข
วันที่ 20 สิงหาคม 2568 กลายเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่สังคมไทยหันมาจับตา “วัดพระบาทน้ำพุ” จังหวัดลพบุรี หลังจากกระทรวงสาธารณสุขนำทีมลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการดูแลผู้ป่วย HIV และประเด็นการดำเนินการบางอย่างที่อาจขัดต่อกฎหมาย โดยเฉพาะการเก็บรักษาศพผู้ป่วย HIV ไว้ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ หรือ “ศาลาธรรมสังเวช” ซึ่งถูกเปิดให้ผู้มาเยี่ยมชมสามารถเห็นได้โดยตรง
การตรวจสอบครั้งนี้นำโดย นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมอนามัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับจังหวัดและส่วนกลาง ซึ่งการลงพื้นที่ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความกังวลเรื่อง “สุขอนามัยและกฎหมาย” เท่านั้น แต่ยังเผยให้เห็นถึงความซับซ้อนระหว่าง “ความศรัทธาในบทบาทของวัดพระบาทน้ำพุ” ที่สังคมยกย่องมายาวนาน กับ “ข้อเท็จจริงด้านกฎหมายและมาตรฐานสาธารณสุข” ที่ไม่อาจมองข้ามได้
จุดเริ่มต้นของข้อกังวล : ศพผู้ป่วย HIV ที่ถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์
สิ่งที่สร้างแรงสะเทือนใจต่อสังคมมากที่สุด คือ การที่ทีมตรวจสอบพบ ศพผู้ป่วยเอดส์กว่า 20 ศพ ถูกเก็บรักษาไว้ภายใน ศาลาธรรมสังเวช อาคารที่วัดใช้เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ให้ผู้มาเยี่ยมได้เรียนรู้และปลงอนิจจัง
การกระทำเช่นนี้แม้อาจมีเจตนาเพื่อสะท้อนถึงความทุกข์ ความไม่เที่ยงของชีวิต และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต แต่ในแง่กฎหมายไทย กลับถือว่า “ไม่ถูกสุขลักษณะ” และยัง ขัดต่อพระราชบัญญัติสุสานและฌาปนสถาน พ.ศ. 2528 ซึ่งกำหนดให้ศพต้องได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง เช่น การฝังหรือเผาภายในระยะเวลาที่กำหนด
นายธนกฤตกล่าวชัดว่า การเก็บศพเช่นนี้แม้จะดำเนินมาหลายสิบปี แต่ไม่สามารถปล่อยต่อไปได้ จำเป็นต้องนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย โดยหลังการหารือกับ พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งถือเป็นบุคคลสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้วัดในฐานะสถานที่ดูแลผู้ป่วยเอดส์มาอย่างยาวนาน ท่านก็ได้ยินยอมให้ดำเนินการเผาศพตามขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว
การดูแลผู้ป่วย : ภาพรวมที่ “มาตรฐาน” แต่ติดปัญหาทางกฎหมาย
นอกจากเรื่องศพแล้ว ทีมตรวจสอบยังพบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับอาคารต่าง ๆ ที่ใช้ดูแลผู้ป่วย HIV และผู้ป่วยระยะสุดท้าย ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของวัดและมูลนิธิธรรมรักษ์ แต่ในขณะเดียวกันก็ชี้ให้เห็นถึงปัญหาทางกฎหมายที่ไม่อาจละเลยได้
1. อาคารสถานชีวาภิบาล
ใช้ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายราว 10 คน
ทีมสาธารณสุขตรวจสอบแล้วพบว่าการดูแลโดยรวมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
อย่างไรก็ตามยังคงต้องพิจารณาเรื่องระบบการจัดการภายในให้สอดคล้องกับกฎหมายมากขึ้น
2. อาคารดูแลผู้ป่วย HIV
มีผู้ติดเชื้อกว่า 60 คนอยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิธรรมรักษ์
อาคารนี้เปิดดำเนินการมานานกว่า 30 ปี แต่ ไม่เคยขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาลตามกฎหมาย
ทำให้มีความเสี่ยงว่าอาจเข้าข่ายการดำเนินการผิดกฎหมาย แม้ในทางปฏิบัติจะมีบุคลากรและอุปกรณ์ที่พร้อมรองรับผู้ป่วยก็ตาม
3. อาคารเมตตาธรรม
ตรวจพบการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ถังออกซิเจนและเครื่องมือบางชนิด
ซึ่งเข้าข่าย “การเปิดสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541
ประเด็นเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึง “รอยต่อระหว่างเจตนาดี” ที่ต้องการช่วยเหลือผู้ป่วย กับ “ข้อเท็จจริงทางกฎหมาย” ที่กำหนดให้การดูแลทางการแพทย์ต้องอยู่ภายใต้ระบบควบคุมที่รัดกุม เพื่อป้องกันความเสี่ยงทั้งต่อผู้ป่วยและต่อสังคมโดยรวม
โรงปลูกกัญชา : ประเด็นที่ถูกจับตาแต่กลับ “ถูกกฎหมาย”
อีกหนึ่งข้อสงสัยที่ถูกสังคมตั้งคำถามคือ โรงปลูกกัญชาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่วัดพระบาทน้ำพุ โดยมีการกังวลว่าอาจดำเนินการโดยไม่ถูกต้องหรือไม่
ผลการตรวจสอบของกระทรวงสาธารณสุขชี้ชัดว่า โรงปลูกกัญชาดังกล่าวดำเนินการโดยภาคเอกชน ซึ่งได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีการฝ่าฝืนข้อบังคับ จึงถือว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการผู้ป่วยโดยตรงของวัด
วัดพระบาทน้ำพุ : จาก “ตำนานแห่งความเมตตา” สู่ “บททดสอบด้านกฎหมาย”
วัดพระบาทน้ำพุเป็นชื่อที่อยู่ในความทรงจำของสังคมไทยมายาวนาน โดยเฉพาะในฐานะ “ที่พึ่งสุดท้าย” ของผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยเอดส์ที่ถูกตีตราจากสังคมตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2530 เป็นต้นมา
หลวงพ่ออลงกต ได้สร้างวัดแห่งนี้ให้เป็นศูนย์กลางของการดูแลผู้ป่วย โดยใช้ศรัทธาและแรงสนับสนุนจากผู้คนทั่วประเทศ จนทำให้วัดพระบาทน้ำพุกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตาและความเสียสละ
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลายาวนานกว่าสามทศวรรษ ก็ทำให้หลายอย่าง “อยู่นอกกรอบกฎหมาย” เช่น การดูแลผู้ป่วยโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนสถานพยาบาล หรือการเก็บรักษาศพเพื่อการศึกษาโดยไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
กรณีล่าสุดนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึง บททดสอบครั้งสำคัญ ของวัดพระบาทน้ำพุและหน่วยงานรัฐ ว่าจะสามารถหาทางออกที่สมดุลระหว่าง “เจตนาของการช่วยเหลือ” และ “กรอบของกฎหมาย” ได้อย่างไร
แนวทางแก้ไข : ก้าวสู่การจัดการที่ถูกต้อง
กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอให้วัดดำเนินการ ขึ้นทะเบียนอาคารดูแลผู้ป่วย HIV ให้เป็นศูนย์พักฟื้นหรือสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อป้องกันปัญหาการดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับมาตรฐานการดูแลที่ปลอดภัยและมั่นคงในระยะยาว
ในส่วนของศพผู้ป่วย HIV ที่ถูกเก็บรักษาไว้ในศาลาธรรมสังเวช กำลังเข้าสู่กระบวนการ ฌาปนกิจ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อยุติข้อกังวลด้านสุขลักษณะและภาพลักษณ์ของวัด
บทสรุป : สังคมไทยควรเรียนรู้อะไรจากกรณีนี้
กรณีวัดพระบาทน้ำพุไม่ได้เป็นเพียงประเด็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจ แต่ยังเป็น “กระจกสะท้อน” หลายประการ
1. ศรัทธาและเจตนาดีไม่สามารถอยู่เหนือกฎหมายได้
แม้การช่วยเหลือผู้ป่วยจะเป็นสิ่งที่สังคมยกย่อง แต่ระบบกฎหมายด้านสาธารณสุขถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องทั้งผู้ป่วยและส่วนรวม จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตาม
2. ความท้าทายของการจัดการองค์กรการกุศลระยะยาว
เมื่อวัดหรือมูลนิธิเติบโตจนมีบทบาทเสมือนสถานพยาบาล ความซับซ้อนด้านการบริหารย่อมเพิ่มขึ้น หากไม่ปรับตัวตามกฎหมายก็อาจนำไปสู่ปัญหาเช่นกรณีนี้
3. ความรับผิดชอบร่วมกันของรัฐและสังคม
การแก้ไขปัญหาไม่ใช่เพียงการชี้ผิด แต่ต้องหาทางออกที่ยั่งยืน ทั้งการสนับสนุนด้านงบประมาณ กฎหมาย และการจัดการเพื่อให้ผู้ป่วยยังคงได้รับการดูแลที่เหมาะสม
บทส่งท้าย
วัดพระบาทน้ำพุในสายตาของสังคมไทยคือ “ศูนย์รวมแห่งความเมตตา” ที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยเอดส์นับพันคน แต่ในวันนี้สังคมกำลังเผชิญกับความจริงอีกด้านว่า “เจตนาดีเพียงอย่างเดียวไม่พอ” หากขาดการจัดการที่ถูกต้องตามกฎหมาย
การลงพื้นที่ของกระทรวงสาธารณสุขครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการตรวจสอบ แต่เป็นการ ปักหมุดเริ่มต้นของการปฏิรูป การดูแลผู้ป่วย HIV ภายในวัดพระบาทน้ำพุให้สอดคล้องกับกฎหมายไทย เพื่อให้ความศรัทธาเดินเคียงคู่กับมาตรฐานสาธารณสุขที่มั่นคงและยั่งยืน
เลขเด็ด "หวยไทยรัฐ" งวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 68 มาแล้ว!..รีบส่องเลย ก่อนหมดแผง!!
#ทายนิสัยจากกาแฟ: เดือนเกิดคุณเปรียบเหมือนกาแฟแก้วไหน? ทายบุคลิก ความรัก และการเงินจากเครื่องดื่มแก้วโปรด
พายุไต้ฝุ่นคัลแมกีกำลังมุ่งหน้าสู่เวียดนาม โดยมีผู้เสียชีวิตในฟิลิปปินส์กว่า 100 คน คาดว่าฮอยอันและดานังจะประสบกับน้ำท่วมอีกครั้ง
🔥 ๒๑ ประเภทเปรตวิสัย: สิ่งที่พระโมคคัลลานะเห็นด้วยญาณ
วิดีโอ/เสียชีวิต 48 ราย! ไต้ฝุ่นถล่มเซบู ฟิลิปปินส์ ก่อนน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์และวิกฤต
หนังกลางแปลงในความทรงจำ กับการดูหนังสร้างรายได้ในโลกออนไลน์
"อนุทิน" ถูกแซวในงาน "ลอยกระทง" ลืมรูปซิปกางเกง..เจ้าตัวสวนกลับสุดฮา "ไม่มีออกมาเพ่นพ่านแน่นอนครับ"
🔥 ๒๑ ประเภทเปรตวิสัย: สิ่งที่พระโมคคัลลานะเห็นด้วยญาณ
จับแล้ว "บังเอ็น" มือกราดยิงดญ.1 ขวบดับ พร้อมพ่อ
นักท่องเที่ยวตะลึง! "ยอดเขาแหลมทองผาภูมิ" เปล่งแสงสีทองกลางหุบเขา..ทำเอาโซเชียลแชร์กันสนั่น
“จาตุรนต์” กังวลว่า “อนุทิน” อาจจะยุบสภาก่อน ทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ
ชายชาวกัมพูชาเสียชีวิตจากการกินไข่ตุ๊กแก
รองฯ ปรินดา ร่วม “ดำนา โยนกล้า หว่านข้าว ปีที่ 4” บ้านป่าชิง ส่งเสริมการเรียนรู้วิถีชีวิตและการพึ่งพาตนเอง เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร


