บุกตัดป่าสงวน! นายทุนเขมรลักลอบทำลายป่าเขาหวาย-ห้าร้อยไร่ ชาวบ้านสุดทนร้องสื่อ

ณ พื้นที่เขาหวาย-ห้าร้อยไร่ ตำบลบางบุตร อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ได้เกิดเรื่องราวที่สร้างความตกใจและกังวลให้กับชาวบ้านในพื้นที่ เมื่อพบว่ามีกลุ่มนายทุนชาวกัมพูชาลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาตัดโค่นต้นยางพาราในพื้นที่ป่าอย่างกว้างขวาง โดยมีผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและยืนยันว่าสิ่งที่ชาวบ้านร้องเรียนนั้นเป็นเรื่องจริง พื้นที่ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ได้ถูกทำลายไปแล้วกว่า 50 ไร่
สภาพที่เห็นคือต้นยางถูกตัดเป็นท่อนๆ กองทิ้งไว้ตามพื้นดิน และมีการสร้างเพิงพักสำหรับคนงานอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ยังพบรถบรรทุกขนาดใหญ่จอดเตรียมพร้อมที่จะขนย้ายไม้ที่ถูกตัดออกมาจากป่าอีกด้วย เหตุการณ์นี้สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีการบุกรุกทำลายป่าแล้ว ยังหวั่นเกรงถึงภัยอื่นๆ ที่อาจตามมาจากการกระทำที่ผิดกฎหมายของกลุ่มคนเหล่านี้
การบุกรุกพื้นที่ป่าในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจและมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะเป็นฝีมือของคนธรรมดา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 นายสมศักดิ์ มีสุขสวัสดิ์ ได้ออกมายืนยันว่า พื้นที่ที่ถูกตัดโค่นบางส่วนนั้นเป็นสวนยางพาราที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง แต่ส่วนที่เลยเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กฎหมายคุ้มครองอย่างชัดเจนนั้น คือการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างโจ่งแจ้งและต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน การทำลายทรัพยากรธรรมชาติครั้งนี้เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ไม่เพียงแต่ระบบนิเวศจะได้รับความเสียหาย แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชุมชนและประเทศชาติอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านและผู้นำชุมชนจึงเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครองอำเภอบ้านค่าย เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. จังหวัดระยอง เข้ามาร่วมกันบูรณาการและเร่งดำเนินการจับกุมกลุ่มนายทุนและแรงงานชาวกัมพูชาเหล่านี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือการที่กลุ่มคนเหล่านี้ยังคงลักลอบเข้ามาตัดไม้และทำลายป่าอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้ หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ ทรัพยากรป่าไม้ที่เหลืออยู่จะถูกทำลายไปจนหมดสิ้น การบูรณาการจากหลายหน่วยงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อหยุดยั้งการกระทำผิดกฎหมายนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
ไม่เช่นนั้น ปัญหาการบุกรุกป่าและทำลายทรัพยากรธรรมชาติจะกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ยากจะแก้ไข และอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ในระยะยาว ความมุ่งมั่นของภาครัฐในการปกป้องและรักษาป่าไม้จึงเป็นความหวังสุดท้ายของชาวบ้านที่จะนำความสงบสุขและความมั่นคงกลับคืนมาสู่ชุมชนอีกครั้งหนึ่ง


















