จนมุม! ทหารสกัดจับรถตู้ขนแรงงานต่างด้าวเถื่อน สารภาพรับจ้างหัวละ 5,000 บาท

เจ้าหน้าที่จากหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ได้ปฏิบัติการตั้งจุดตรวจความมั่นคงอย่างเข้มงวดบริเวณบ้านห้วยหินฝน ในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนที่มีการลักลอบเข้าเมืองอย่างต่อเนื่องและถือเป็นเส้นทางสำคัญในการลำเลียงแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย

ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างรัดกุม ได้สังเกตเห็นรถตู้โดยสารต้องสงสัยคันหนึ่งที่พยายามจะหลบหลีกการตรวจค้น ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจเรียกให้รถคันดังกล่าวหยุดเพื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียด

การตรวจค้นครั้งนี้เกิดขึ้นตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในพื้นที่ชายแดน เพื่อสกัดกั้นขบวนการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมายที่มักจะใช้ช่องว่างในการเดินทางข้ามแดนเพื่อเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของประเทศไทย

การกระทำของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้จึงนับเป็นการปฏิบัติการที่สำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงภายในประเทศ

เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบภายในรถตู้ต้องสงสัย พบชายไทยอายุ 48 ปี ซึ่งรับหน้าที่เป็นคนขับรถ และแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาอีก 2 คน ซึ่งไม่มีเอกสารการอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จากการสอบสวนเบื้องต้น คนขับรถตู้ได้ให้การรับสารภาพว่า ตนเองได้รับว่าจ้างจากขบวนการลักลอบขนแรงงานข้ามชาติ

โดยได้รับค่าจ้างเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อหัว เพื่อเป็นค่าจ้างในการอำนวยความสะดวกและนำพาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายทั้งสองคนนี้ให้เดินทางเข้าไปยังจุดหมายปลายทาง

การกระทำของผู้ต้องหารายนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของขบวนการค้ามนุษย์ที่อาศัยช่องทางและบุคคลภายในประเทศเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการนำพาแรงงานผิดกฎหมายเข้าประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของชาติ

หลังจากการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายด้วยการควบคุมตัวคนขับรถตู้และแรงงานชาวเมียนมาทั้งสองคนไว้เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ พร้อมทั้งได้ส่งตัวทั้งหมดให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตากเพื่อทำการสอบสวนขยายผลและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป

การดำเนินการในครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเพียงการจับกุมผู้กระทำผิดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสืบสวนเพื่อสาวไปถึงเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ทั้งหมด ซึ่งนับเป็นภารกิจสำคัญในการแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมายอย่างยั่งยืน

การจับกุมในครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยมีความมุ่งมั่นและเอาจริงเอาจังในการปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองและอาชญากรรมข้ามชาติทุกรูปแบบ เพื่อธำรงไว้ซึ่งกฎหมายและความสงบสุขของสังคมไทยโดยรวม.