โป๊ะชัด! ทหารกัมพูชาลอบฝังหุ่นระเบิด หน้าคุ้นตา
โทรศัพท์มือถือตกที่ภูมะเขือ ชุดเก็บกู้กองทัพเรือพบหลักฐานเด็ดทหารกัมพูชาลักลอบใช้ระเบิด PMN-2
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม กองทัพเรือ (นปท.ทร.) ได้เข้าปฏิบัติการตรวจสอบพื้นที่ ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ หลังจากได้รับแจ้งข้อมูลว่าพื้นที่ดังกล่าวอาจมีวัตถุระเบิดตกค้างและพฤติกรรมผิดกฎหมายข้ามพรมแดน
ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ได้พบ โทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ถูกทิ้งไว้ในพื้นที่ ซึ่งภายหลังนำมาตรวจสอบ พบว่าเป็น พยานหลักฐานสำคัญ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงพฤติกรรมการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศได้อย่างชัดเจน
การตรวจสอบโทรศัพท์และหลักฐานสำคัญ
เมื่อทำการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือที่เก็บได้ เจ้าหน้าที่พบว่า ภายในเครื่องมี คลิปวิดีโอและภาพถ่ายชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นทหารกัมพูชากำลังถือ ระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมมีเสียงบรรยายภาษาเขมรประกอบ คลิปดังกล่าวมีรายละเอียดครบถ้วน ทั้งท่าทางการถือและการสาธิตวิธีใช้งานระเบิด
จากข้อมูลเวลาที่บันทึกอยู่ในโทรศัพท์ ชี้ชัดว่าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในพื้นที่ภูมะเขือ และน่าเชื่อว่ามีการ เตรียมการเพื่อลักลอบฝังระเบิดในฝั่งไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการใช้ทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดแบบฝัง
เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระบุว่า โทรศัพท์เครื่องนี้ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถ ใช้มัดความผิดและติดตามพฤติกรรมการละเมิดกฎหมายของทหารกัมพูชา ได้อย่างชัดเจน
การละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ
การพบหลักฐานทหารกัมพูชาถือระเบิด PMN-2 นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง เพราะ อนุสัญญาห้ามใช้ทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคได้ลงนามนั้น ห้ามการผลิต การใช้งาน และการฝังทุ่นระเบิดโดยไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด
การสาธิตและถือระเบิด PMN-2 ดังกล่าว ไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดกฎหมายสากล แต่ยัง ก่อความเสี่ยงต่อชีวิตพลเรือน และสร้างความตึงเครียดชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา
การดำเนินการของเจ้าหน้าที่กองทัพเรือ
เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้กองทัพเรือกล่าวว่า การตรวจสอบหลักฐานดังกล่าวต้องทำด้วยความระมัดระวังอย่างสูง เนื่องจากเป็น วัตถุอันตรายและอาจถูกดัดแปลง ก่อนนำมาส่งมอบให้กองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
การปฏิบัติการนี้ถือว่าเป็น การตรวจสอบเชิงรุก (Proactive Operation) ของกองทัพเรือในการเฝ้าระวังและป้องกันการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงการป้องกันเหตุระเบิดที่อาจเกิดขึ้นในเขตชายแดน
การเปิดเผยในสื่อออนไลน์
ต่อมาเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2568 เพจเฟซบุ๊กชื่อดัง "กองทัพบก ทันกระแส" ได้โพสต์รูปภาพและข้อมูลยืนยันว่า ทหารกัมพูชาที่ปรากฏในคลิปและภาพ ไม่ใช่บุคคลอื่นใด แต่คือ ร้อยตรี อุม เข็ง ซึ่งเคยปรากฏตัว ร่วมลาดตระเวนกับทหารไทยมาก่อน
ข้อมูลนี้สร้างความตื่นตัวและความสนใจในสังคมออนไลน์อย่างมาก เพราะเชื่อมโยง พฤติกรรมผิดกฎหมายและการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ กับบุคคลที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ไทย
ความรุนแรงและความเสี่ยงของ PMN-2
ระเบิด PMN-2 เป็น ทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล ที่มีความอันตรายสูง สามารถทำลายชีวิตและอวัยวะได้ทันทีหากถูกกระแทก ถูกเหยียบ หรือขยับโดยไม่ระมัดระวัง
การสาธิตวิธีใช้ทุ่นระเบิดชนิดนี้ในคลิปและภาพถ่ายถือว่าเป็น ภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของประชาชน และทำให้เจ้าหน้าที่กองทัพไทยต้องยกระดับมาตรการ ตรวจสอบชายแดนและป้องกันการลักลอบฝังระเบิด
ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
เหตุการณ์นี้มีแนวโน้มที่จะสร้าง ความตึงเครียดระหว่างประเทศ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะมีการหารือเรื่องความร่วมมือด้านความมั่นคงชายแดน แต่การพบหลักฐานการใช้ระเบิดในฝั่งไทยโดยทหารกัมพูชา ทำให้ต้องมีการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการทางการทูต
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมไทยและเจ้าหน้าที่ชายแดนได้เน้นย้ำว่า จะต้องมี การติดตามและควบคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันอุบัติการณ์ร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นจากการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
มาตรการป้องกันและตรวจสอบในอนาคต
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่กองทัพเรือได้วางแนวทางปฏิบัติสำคัญเพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต ดังนี้
1. ตรวจสอบชายแดนอย่างเข้มงวด โดยเพิ่มการลาดตระเวนและตรวจสอบพื้นที่เสี่ยง
2. เก็บรวบรวมและวิเคราะห์หลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ กล้อง หรืออุปกรณ์บันทึกเสียง/ภาพ
3. ติดตามบุคคลที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ไทย เพื่อประเมินความเสี่ยงในการกระทำผิดซ้ำ
4. ประสานงานกับกองทัพบกและหน่วยงานระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันการลักลอบฝังระเบิดและการละเมิดอนุสัญญา
มาตรการเหล่านี้ถือเป็น มาตรการเชิงรุกและเชิงป้องกัน ที่สำคัญในการรักษาความปลอดภัยชายแดนไทย
การรับรู้สาธารณะและการรายงานข่าว
หลังการเปิดเผยในเพจเฟซบุ๊กสื่อสาธารณะ มีประชาชนและผู้ติดตามข่าวหลายกลุ่มแสดงความกังวลและเรียกร้องให้ รัฐบาลและกองทัพไทยดำเนินการตรวจสอบอย่างโปร่งใส เพื่อให้มั่นใจว่าชายแดนไทยปลอดภัยและการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศจะไม่ได้เกิดขึ้นซ้ำ
นอกจากนี้ เหตุการณ์ยังเป็น บทเรียนสำคัญแก่เจ้าหน้าที่และประชาชน ในเรื่องการระวังภัยจากวัตถุระเบิดและความสำคัญของการร่วมมือระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและกองทัพในการเฝ้าระวัง
สรุป
การพบโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ในพื้นที่ ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ โดยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดกองทัพเรือ นำไปสู่การค้นพบ คลิปและภาพถ่ายทหารกัมพูชาสาธิตการใช้ระเบิด PMN-2 ถือเป็นหลักฐานสำคัญในการ ตรวจสอบการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ และสร้างความตื่นตัวต่อความปลอดภัยชายแดน
การยืนยันตัวบุคคลร้อยตรี อุม เข็ง ผู้ปรากฏตัวในคลิปและภาพ ทำให้เหตุการณ์มีน้ำหนักทางกฎหมายและสร้างความตระหนักแก่หน่วยงานไทยในการ ติดตามและควบคุมพฤติกรรมผิดกฎหมาย
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นข่าวเชิงความมั่นคงชายแดน แต่ยังเป็น ตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีและหลักฐานดิจิทัล เพื่อป้องกันการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศในอนาคต





















