สแกนม่านตาแลกเงิน 800 บาท สุดท้ายได้จริงแค่ 500 บาท ที่พัทลุง

เรื่องราวเกิดขึ้นที่จังหวัดพัทลุง เมื่อเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งชื่อ "บริษัท เวิลด์ (ประเทศไทย) จำกัด" มาเปิดบูธที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ เพื่อชักชวนให้ประชาชนนำดวงตาหรือม่านตาไปสแกนด้วยเครื่องที่คล้ายกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา ซึ่งหลังจากสแกนเสร็จสิ้น แต่ละคนจะได้รับเหรียญดิจิทัลเป็นรางวัลจำนวน 50 เหรียญ
และมีคนกลางทำหน้าที่แลกเปลี่ยนเหรียญนี้เป็นเงินสดให้ โดยอ้างว่าได้มูลค่าสูงถึง 800 บาทต่อคน แต่ในความเป็นจริงแล้วประชาชนส่วนใหญ่กลับได้รับเพียง 500 บาทเท่านั้น
ส่วนอีก 300 บาทที่เหลือกลายเป็นค่าธรรมเนียมที่ผู้แลกเปลี่ยนได้รับไปอย่างไม่เป็นธรรม กิจกรรมดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเข้าข่ายการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบแล้ว ยังอาจมีความเสี่ยงที่ข้อมูลม่านตาจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมายหรือถูกขายให้กับองค์กรอื่นๆ ได้ในอนาคต ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเข้าตรวจสอบและสั่งให้ยุติกิจกรรมนี้ลงทันที
การกระทำของบริษัทดังกล่าวอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายหลายข้อหาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงประชาชน การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต การทำธุรกรรมที่อาจเข้าข่ายการฟอกเงิน และที่สำคัญคือการเปิดกิจการโดยไม่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่บริษัทนำมาแสดง ก็พบว่าไม่มีการขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรับแลกเปลี่ยนเงินหรือธุรกิจที่เข้าข่ายลักษณะนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องสั่งระงับการดำเนินการทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม เป็นต้นไป จนกว่าบริษัทจะสามารถชี้แจงและนำเอกสารที่ถูกต้องมาแสดงได้ครบถ้วน
อีกทั้งยังมีการตั้งข้อสงสัยว่าการให้เหรียญดิจิทัลดังกล่าวอาจเป็นเพียงกลลวงเพื่อจูงใจให้คนมาให้ข้อมูลส่วนตัวฟรีๆ โดยที่ไม่ได้มีมูลค่าจริงตามที่กล่าวอ้าง การกระทำลักษณะนี้ยังเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ เพราะหากข้อมูลชีวภาพอย่างม่านตาตกไปอยู่ในมือของมิจฉาชีพ ก็อาจนำไปสู่การปลอมแปลงตัวตนหรือการทำธุรกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในอนาคตได้
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งเตือนและให้คำแนะนำกับประชาชนทั่วไปว่า การให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนอย่างข้อมูลชีวภาพกับบริษัทเอกชนที่ไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายและมีความเสี่ยงสูงมาก
ประชาชนควรใช้ความระมัดระวังและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ที่มีการเรียกขอข้อมูลส่วนตัวเช่นนี้ และหากพบเห็นกิจกรรมที่น่าสงสัยในทำนองเดียวกันนี้ ก็ควรแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อไปในวงกว้าง
โดยเหตุการณ์นี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่ทุกภาคส่วนจะต้องตระหนักถึงความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และความซับซ้อนของกลโกงในรูปแบบใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งประชาชนควรจะเท่าทันเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่อาศัยช่องว่างทางกฎหมายและเทคโนโลยีเพื่อหาผลประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น
#ทายนิสัยจากกาแฟ: เดือนเกิดคุณเปรียบเหมือนกาแฟแก้วไหน? ทายบุคลิก ความรัก และการเงินจากเครื่องดื่มแก้วโปรด
ไม่ใช่มนุษย์AIทำแทนไม่ได้ : เปิด12อาชีพที่AIทำแทนไม่ได้ เละเติบโตไว้ที่สุดในอีก10ปีข้างหน้า
วิดีโอ/เสียชีวิต 48 ราย! ไต้ฝุ่นถล่มเซบู ฟิลิปปินส์ ก่อนน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์และวิกฤต
เลขเด็ด "หวยไทยรัฐ" งวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 68 มาแล้ว!..รีบส่องเลย ก่อนหมดแผง!!
พายุไต้ฝุ่นคัลแมกีกำลังมุ่งหน้าสู่เวียดนาม โดยมีผู้เสียชีวิตในฟิลิปปินส์กว่า 100 คน คาดว่าฮอยอันและดานังจะประสบกับน้ำท่วมอีกครั้ง
🔥 ๒๑ ประเภทเปรตวิสัย: สิ่งที่พระโมคคัลลานะเห็นด้วยญาณ
"อนุทิน" ถูกแซวในงาน "ลอยกระทง" ลืมรูปซิปกางเกง..เจ้าตัวสวนกลับสุดฮา "ไม่มีออกมาเพ่นพ่านแน่นอนครับ"
🔥 ๒๑ ประเภทเปรตวิสัย: สิ่งที่พระโมคคัลลานะเห็นด้วยญาณ
จับแล้ว "บังเอ็น" มือกราดยิงดญ.1 ขวบดับ พร้อมพ่อ
นักท่องเที่ยวตะลึง! "ยอดเขาแหลมทองผาภูมิ" เปล่งแสงสีทองกลางหุบเขา..ทำเอาโซเชียลแชร์กันสนั่น
“จาตุรนต์” กังวลว่า “อนุทิน” อาจจะยุบสภาก่อน ทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ
ชายชาวกัมพูชาเสียชีวิตจากการกินไข่ตุ๊กแก
รองฯ ปรินดา ร่วม “ดำนา โยนกล้า หว่านข้าว ปีที่ 4” บ้านป่าชิง ส่งเสริมการเรียนรู้วิถีชีวิตและการพึ่งพาตนเอง เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร