กองปราบฯ ออกหมายเรียก “ดิว อริสรา” คดีโกง 62 ล้าน ขีดเส้น 7 วัน
ตำรวจออกหมายเรียก “ดิว อริสรา” รับทราบข้อกล่าวหายักยอกทรัพย์ 62 ล้านบาท ขีดเส้นตาย 7 วัน หากไม่มาเตรียมขอหมายจับ
วงการบันเทิงเมืองไทยกลับมาสะเทือนอีกครั้ง หลังจากกรณีคดี ยักยอกทรัพย์มูลค่ากว่า 62 ล้านบาท ที่เกี่ยวข้องกับนักแสดงสาวชื่อดัง ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในสื่อและโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองปราบปราม ได้ดำเนินการออก หมายเรียก ดิว อริสรา ให้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว
เบื้องหลังคดียักยอกทรัพย์ 62 ล้านบาท
กรณีนี้เริ่มต้นจาก น.ส. วาสนา อินทะแสง หรือที่รู้จักในชื่อ มาตาม เมนี่ ได้เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ดำเนินคดีกับดาราสาวดิว อริสรา ในข้อหา ยักยอกทรัพย์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเงินจำนวนสูงถึง 62 ล้านบาท ตามข้อมูลจากพนักงานสอบสวน การยักยอกทรัพย์ครั้งนี้มีลักษณะเป็นการ นำเงินหรือทรัพย์สินของผู้อื่นไปใช้โดยมิชอบ ซึ่งถือเป็นความผิดทางอาญาที่ร้ายแรง
คดีดังกล่าวสร้างความสนใจอย่างมากในสังคม เนื่องจากดาราสาวเป็นที่รู้จักในวงการบันเทิง มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก ทำให้ข่าวถูกแชร์และวิพากษ์วิจารณ์อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้ยื่นเรื่องให้ตำรวจสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามกฎหมาย
การออกหมายเรียกของตำรวจ
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) เผยว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการ ออกหมายเรียกนักแสดงสาว ดิว อริสรา เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ โดยกำหนดให้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ ภายใน 7 วัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและให้ปากคำ
หากดาราสาวไม่เดินทางมาตามหมายเรียกภายในเวลาที่กำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะถือว่ามี เจตนาหลบหนี และจะ ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับ ในทันที ซึ่งเป็นมาตรการทางกฎหมายเพื่อให้ผู้ต้องหาปฏิบัติตามขั้นตอนและไม่หลบหนี
พ.ต.อ.เอนก ระบุเพิ่มเติมว่า “จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อจากดิว อริสรา ไม่ว่าจะเป็นตัวเธอเองหรือจากทนายความ” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการดำเนินคดีอาจต้องเข้มงวดและรวดเร็วเพื่อไม่ให้เสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม
ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย
คดีนี้ถือเป็นคดี ยักยอกทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักสิบล้านบาท ซึ่งอยู่ในข่ายความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 โดยมีโทษทั้งจำคุกและปรับ การออกหมายเรียกผู้ต้องหาจึงเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้ผู้ต้องหาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายชี้ว่า การที่ผู้ต้องหาไม่มาตามหมายเรียกภายในกำหนด จะเป็นเหตุให้ ตำรวจสามารถยื่นคำร้องขอศาลอนุมัติออกหมายจับ ได้ทันที ซึ่งเป็นมาตรการที่ถูกต้องตามกฎหมาย และยังสะท้อนถึงความรุนแรงและความสำคัญของคดี
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวว่า การที่คดีเกี่ยวข้องกับบุคคลในวงการบันเทิง ทำให้คดีมี ความสนใจจากสาธารณชนสูง แต่กระบวนการสอบสวนและการดำเนินคดีต้องเป็นไปอย่าง เป็นกลางและรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทั้งฝ่ายผู้เสียหายและผู้ต้องหา
ผลกระทบต่อวงการบันเทิง
คดียักยอกทรัพย์ครั้งนี้สร้างผลกระทบต่อ วงการบันเทิงไทย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องความน่าเชื่อถือของดาราและนักแสดงที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือการจัดการเงินจำนวนมาก
แฟนคลับและผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียต่างแสดงความคิดเห็นหลากหลาย บ้างก็เชื่อว่า ดาราสาวอาจมีเหตุผลหรือความเข้าใจผิดในการบริหารจัดการเงิน แต่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความรับผิดชอบและความโปร่งใสในการทำธุรกรรม
สื่อมวลชนหลายสำนักให้ความสนใจ และมีการติดตามความคืบหน้าของคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อรายงานให้ประชาชนรับทราบ
การเกิดคดีเช่นนี้ถือเป็น บทเรียนสำคัญในเรื่องความโปร่งใสและความรับผิดชอบ สำหรับบุคคลในวงการบันเทิง โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเงินและทรัพย์สินของผู้อื่น
ขั้นตอนต่อไปของคดี
หลังจากออกหมายเรียก ดิว อริสราแล้ว หากเธอเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตามกำหนด จะมีขั้นตอนดังนี้
1. รับทราบข้อกล่าวหา
เจ้าหน้าที่ตำรวจจะอ่านและชี้แจงข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาเข้าใจ
2. สอบปากคำ
ดิว อริสราจะได้ให้ปากคำ และสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงหรือหลักฐานของตัวเอง
3. รวบรวมหลักฐาน
พนักงานสอบสวนจะรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม เช่น เอกสารทางการเงิน สัญญา และพยานบุคคล เพื่อประกอบสำนวน
4. ดำเนินคดีต่อศาล
หากหลักฐานเพียงพอ พนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนฟ้องต่ออัยการและต่อศาลเพื่อพิจารณาคดี
ในกรณีที่ดาราสาวไม่เดินทางมาตามหมายเรียก เจ้าหน้าที่จะ ดำเนินการขอศาลออกหมายจับ และสามารถ ติดตามจับกุมตามกฎหมาย เพื่อให้คดีเดินหน้าโดยไม่สะดุด
มุมมองของประชาชน
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของประชาชนต่อ ความยุติธรรมในคดีใหญ่ของวงการบันเทิง หลายคนแสดงความเห็นว่า
ต้องการเห็นการดำเนินคดีอย่างโปร่งใส ไม่เอื้อประโยชน์ต่อผู้มีชื่อเสียง
การติดตามคดีของสื่อและสังคมออนไลน์เป็นการช่วยให้กระบวนการยุติธรรมโปร่งใส
ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องมีความรับผิดชอบสูงต่อทรัพย์สินของผู้อื่น
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการสอบสวน และมีแนวโน้มว่าจะเป็น คดีที่สังคมให้ความสนใจมากที่สุดในรอบปี
สรุป
คดี ยักยอกทรัพย์ 62 ล้านบาท ของ ดิว อริสรา เป็นอีกหนึ่งคดีที่สะท้อนถึงความสำคัญของ ความรับผิดชอบและความโปร่งใส ในการจัดการเงินและทรัพย์สินของผู้อื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองปราบปราม ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ภายใน 7 วัน และเตรียมขอหมายจับหากไม่ปฏิบัติตาม
การติดตามความคืบหน้าของคดีนี้ไม่เพียงแต่เป็นความสนใจของแฟนคลับ แต่ยังเป็นตัวอย่างให้บุคคลในวงการบันเทิงและสังคมโดยรวมตระหนักถึง ความสำคัญของความโปร่งใสและความรับผิดชอบทางกฎหมาย
ประชาชนและสื่อมวลชนยังคงเฝ้าติดตามคดีอย่างใกล้ชิด พร้อมให้กำลังใจผู้เสียหายในการดำเนินการทางกฎหมาย และหวังว่ากระบวนการยุติธรรมจะเดินหน้าอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย














