สะเทือนวัง! เจ้าชายนอร์เวย์เจอมรสุมคดี 32 คดี เสี่ยงติดคุก 10 ปี
อื้อฉาวราชวงศ์นอร์เวย์ เจ้าชายมาริอุส บอร์ก ฮอยบี ถูกตั้งข้อหาข่มขืนหลายกระทง เผชิญคดีรวม 32 คดี
กลายเป็นข่าวอื้อฉาวที่สร้างความตื่นตะลึงในนอร์เวย์และทั่วโลก สำหรับ เจ้าชายมาริอุส บอร์ก ฮอยบี (Marius Borg Hoiby) พระโอรสของเจ้าหญิงเมตา-มารี มกุฎราชกุมารีแห่งนอร์เวย์ ที่ถูกตั้งข้อหาข่มขืน 4 กระทง พร้อมข้อกล่าวหาอื่น ๆ รวมทั้งหมด 32 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงทางเพศและอาชญากรรมทางร่างกาย
อัยการรัฐของนอร์เวย์เปิดเผยต่อสื่อว่า เจ้าชายมาริอุส อาจต้องเผชิญ โทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี การพิจารณาคดีจะมีขึ้นในเดือนมกราคมปีหน้า โดยคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาทั้งสิ้น 6 สัปดาห์
เส้นทางชีวิตและตำแหน่งในราชวงศ์
เจ้าชายมาริอุส บอร์ก ฮอยบี วัย 28 ปี เป็นพระโอรสของเจ้าหญิงเมตา-มารี และเป็นพระโอรสเลี้ยงของเจ้าชายโฮกุน มกุฎราชกุมาร นับเป็นหนึ่งในสมาชิกของราชวงศ์นอร์เวย์ที่มีชื่อเสียง ทั้งในด้านการเป็นสมาชิกราชวงศ์และในทางเสื่อมเสีย
แม้เจ้าชายมาริอุสจะอยู่ในสายเลือดราชวงศ์ แต่ชีวิตส่วนตัวของเขากลับเต็มไปด้วยความขัดแย้งและปัญหาส่วนตัวหลายด้าน ทั้งการต่อสู้กับอาการติดสารเสพติดและปัญหาทางสุขภาพจิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อการกระทำและคดีความที่ตามมา
ข้อกล่าวหาทางกฎหมาย
จากคำฟ้องที่อัยการยื่นต่อศาล เจ้าชายมาริอุสเผชิญกับข้อกล่าวหาที่หลากหลายถึง 32 กระทง ซึ่งรวมถึง
คดีข่มขืนโดยมีการสอดใส่ 1 กระทง
คดีข่มขืนโดยไม่มีการสอดใส่ 2 กระทง
การล่วงละเมิดทางเพศ 4 กระทง
การทำร้ายร่างกาย 2 กระทง
การใช้ความรุนแรงต่ออดีตแฟนสาวอีกหลายราย
ทุกกรณีมีการระบุว่า ผู้เสียหายเป็นผู้หญิงที่ถูกทำร้ายในขณะหลับหรือหมดสติ ส่งผลให้คดีนี้ถือเป็นหนึ่งในคดีอื้อฉาวที่ร้ายแรงที่สุดในราชวงศ์นอร์เวย์
อัยการรัฐเน้นย้ำว่า สถานะเป็นสมาชิกราชวงศ์ไม่สามารถทำให้เจ้าชายได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากพลเมืองคนอื่น ความผิดที่เกี่ยวข้องกับข่มขืนและความรุนแรงในความสัมพันธ์ใกล้ชิดถือเป็นการกระทำที่ร้ายแรง สามารถทิ้งบาดแผลทางจิตใจและส่งผลต่อชีวิตผู้เสียหายอย่างยาวนาน
ประวัติการจับกุมและคดีที่ผ่านมา
เรื่องอื้อฉาวของเจ้าชายมาริอุสเริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อ 4 สิงหาคมปีที่แล้ว เขาถูกจับกุมครั้งแรกในข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งผู้เสียหายในคดีนี้คือ รีเบคกา เฮลเบิร์ก อาร์นท์เซน ทำให้เธอต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
หลังการจับกุม เจ้าชายมาริอุสออกแถลงการณ์ผ่านทนายความ ยอมรับว่าก่อเหตุทำร้ายร่างกายจริง โดยอ้างว่าเกิดจากอาการมึนเมา เนื่องจากการเสพ แอลกอฮอล์และโคเคน พร้อมเปิดเผยว่าตนเองมี ความผิดปกติทางจิตหลายด้าน และต่อสู้กับการใช้สารเสพติดมาเป็นเวลานาน
ต่อมาในเดือนกันยายน เจ้าชายถูกจับกุมอีกครั้งในข้อหาละเมิดคำสั่งห้ามเข้าใกล้ และเดือนพฤศจิกายนเพิ่มคดีข่มขืนเพิ่มเติม รวมถึงข้อกล่าวหาที่ระบุว่าเขาได้ข่มขืน ดาราทีวีชื่อดัง ลินนี ไมสเตอร์ ขณะหมดสติในปี 2018
แม้เจ้าชายมาริอุสจะให้ความร่วมมือกับตำรวจในการสอบสวน แต่ทนายความของเขาเคยระบุว่า เขาไม่ได้ยอมรับว่ากระทำผิดในหลายกรณี โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศและการล่วงละเมิด
การพิจารณาคดีและโทษที่อาจเกิดขึ้น
อัยการรัฐเผยว่า การพิจารณาคดีจะมีระยะเวลา 6 สัปดาห์ และกำหนดขึ้นในเดือนมกราคมปีหน้า ข้อกล่าวหาที่รุนแรงที่สุด ได้แก่ ข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งสามารถทำให้เจ้าชายต้องเผชิญ โทษจำคุกสูงสุด 10 ปี
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายในนอร์เวย์ระบุว่า คดีนี้ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ความเป็นสมาชิกราชวงศ์ไม่สามารถทำให้ใครอยู่เหนือกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นการยืนยันว่ากฎหมายให้ความคุ้มครองผู้เสียหายอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะมีตำแหน่งสูงหรือมีชื่อเสียง
ผลกระทบต่อราชวงศ์นอร์เวย์
คดีอื้อฉาวครั้งนี้สร้างความเสียหายต่อ ภาพลักษณ์ของราชวงศ์นอร์เวย์ อย่างมาก สื่อและประชาชนต่างตั้งคำถามถึงการดูแลและการอบรมเลี้ยงดูของครอบครัวราชวงศ์ พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้ชีวิตส่วนตัวของเจ้าชายที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและพฤติกรรมเสี่ยง
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าคดีนี้อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อราชวงศ์โดยรวม โดยเฉพาะในแง่ ความน่าเชื่อถือและความรับผิดชอบต่อสังคม
บทวิเคราะห์และความคิดเห็น
นักวิเคราะห์ด้านสังคมและกฎหมายระบุว่า คดีของเจ้าชายมาริอุสสะท้อนให้เห็นหลายประเด็นที่น่าสนใจ
1. ปัญหาสุขภาพจิตและการเสพสารเสพติด – เจ้าชายเคยเปิดเผยว่าตนเองมีปัญหาทางจิตและต่อสู้กับการเสพสารเสพติดมาเป็นเวลานาน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดพฤติกรรมรุนแรง
2. ความเป็นสมาชิกราชวงศ์ไม่ได้ป้องกันการฟ้องร้อง – กฎหมายของนอร์เวย์ถือว่า ทุกคนเท่าเทียมต่อกฎหมาย โดยไม่มีข้อยกเว้นสำหรับบุคคลที่มีตำแหน่งสูง
3. ผลกระทบต่อผู้เสียหาย – การกระทำความรุนแรงและการล่วงละเมิดทางเพศสามารถสร้างบาดแผลทางจิตใจและร่างกายที่ยาวนาน การสืบสวนคดีและการดำเนินคดีอย่างรัดกุมจึงมีความสำคัญต่อการคุ้มครองผู้เสียหาย
นักวิชาการยังเตือนว่า ประเด็นที่เกี่ยวกับราชวงศ์และคดีอื้อฉาวประเภทนี้ควรได้รับการรายงานอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิด ความเข้าใจผิดหรือการโจมตีส่วนตัวเกินไป
บทสรุป
คดีอื้อฉาวของเจ้าชายมาริอุส บอร์ก ฮอยบี ถือเป็นหนึ่งในคดีความรุนแรงและข่มขืนที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกราชวงศ์ที่สร้างความตกตะลึงในนอร์เวย์และทั่วโลก การตั้งข้อกล่าวหา 32 กระทง รวมทั้งข่มขืน 4 กระทง ทำให้เจ้าชายต้องเผชิญกับ ความเป็นไปได้ของโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี
การพิจารณาคดีในเดือนมกราคมปีหน้า จะเป็นตัวชี้ชะตาว่า เจ้าชายมาริอุสจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองเพียงใด ซึ่งถือเป็นบททดสอบความเท่าเทียมของกฎหมายในสังคมนอร์เวย์อย่างแท้จริง
สำหรับประชาชนและผู้ติดตามข่าว การคดีนี้เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สะท้อนว่า แม้เป็นราชวงศ์หรือมีชื่อเสียงสูง แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง







