สื่อนอกเผย "ทหารไทยได้รับบาดเจ็บอีกนาย จากกับระเบิดใกล้กัมพูชา"
สื่อนอกรายงานว่า "กองทัพบกไทยแถลงการณ์ว่า "ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิด ใกล้ชายแดนกัมพูชา หลังจากที่ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ตกลงหยุดยิงหลังจากความขัดแย้งอันนองเลือดเมื่อเดือนที่แล้ว"
กองทัพบกไทยระบุในแถลงการณ์ว่า "ข้อเท้าซ้ายของทหารได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อเหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวน ตามเส้นทางชายแดนปกติ ซึ่งอยู่ห่างจากปราสาทตาเมือนธม ในจังหวัดสุรินทร์ของไทยประมาณ 1 กิโลเมตร"
ขณะนี้ทหารกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
โฆษกกองทัพบกไทย พลตรี "วินธัย สุวารี" กล่าวในแถลงการณ์ว่า "เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชา ได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง รวมถึงข้อตกลงระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยทุ่นระเบิด"
นับเป็นครั้งที่ 4 ในรอบไม่กี่สัปดาห์ ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิด ระหว่างการลาดตระเวนตามแนวชายแดน
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา [ตามเวลาท้องถิ่น] ทหาร 3 นายได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิด ในพื้นที่ระหว่างจังหวัดศรีสะเกษของไทย และ จังหวัดพระวิหารของกัมพูชา
เหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ นำไปสู่การลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และ จุดชนวนให้เกิดการปะทะกัน
ไทยกล่าวหากัมพูชาว่าวางทุ่นระเบิดในฝั่งไทย ตามแนวชายแดนที่เป็นข้อพิพาท ซึ่งทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม 2025
พนมเปญปฏิเสธว่า "ไม่ได้วางทุ่นระเบิดใหม่" โดยกล่าวว่า "ทหารได้เบี่ยงเบนออกจากเส้นทางที่ตกลงกันไว้" และ "ทำให้เกิดทุ่นระเบิดเก่าที่หลงเหลือ จากสงครามหลายทศวรรษ ระเบิดขึ้น"
พนมเปญกล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า "กัมพูชาเป็นรัฐภาคีที่ภาคภูมิใจ ของอนุสัญญาออตตาวา"
ไทยและกัมพูชาทะเลาะกันมานานหลายทศวรรษ เกี่ยวกับจุดที่ไม่มีเส้นแบ่งเขตแดนทางบกระยะทาง 817 กิโลเมตร โดยมีกรรมสิทธิ์ในวัดฮินดูโบราณตาเมือนธมและปราสาทพระวิหาร สมัยศตวรรษที่ 11 เป็นศูนย์กลางของข้อพิพาท
การปะทะครั้งล่าสุดที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2025 ถือเป็นการสู้รบที่เลวร้ายที่สุดระหว่างประเทศทั้ง 2 ในรอบกว่าทศวรรษ เกี่ยวข้องกับการยิงปืนใหญ่และเครื่องบินขับไล่ไอพ่น ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 43 ราย และ ทำให้ประชาชนกว่า 300,000 คนต้องพลัดถิ่นจากทั้ง 2 ฝ่าย
การหยุดยิงที่เปราะบางนี้ ยังคงมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่ที่ไทยและกัมพูชา ตกลงกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่จะอนุญาต ให้ผู้สังเกตการณ์จากสมาคมประชาชาติ แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้าตรวจสอบพื้นที่ชายแดนที่เป็นข้อพิพาท เพื่อให้แน่ใจว่าการสู้รบจะไม่เกิดขึ้นอีก...






















