อิ๊งค์เงียบปมลาออก ก่อนขึ้นศาลคดีคลิปเสียงคุยฮุนเซน
"อิ๊งค์" แพทองธาร ปัดตอบปมข่าวลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีคลิปเสียงคุย "ฮุน เซน" – เพียงยิ้มและบอกสั้น ๆ "คิดถึงนะคะ"
วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 07.55 น. ที่บริเวณท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เข้าร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
บรรยากาศในช่วงเช้าเต็มไปด้วยความคึกคัก ประชาชนจากหลายพื้นที่เดินทางมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก เพื่อถวายความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขณะเดียวกัน สื่อมวลชนหลายสำนักก็ปักหลักรอทำข่าว เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวทางการเมืองที่ถูกจับตามองอย่างมาก เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่น.ส.แพทองธารอาจยื่นลาออกจากตำแหน่งก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในคดี “คลิปเสียงการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา”
การปรากฏตัวครั้งแรกหลังข่าวลือร้อน
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนา ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงกระแสข่าวการลาออก ซึ่งกำลังเป็นประเด็นร้อนในสังคมการเมืองไทย น.ส.แพทองธารไม่ได้ให้คำตอบเชิงชี้แจงใด ๆ แต่หันมามองกลุ่มผู้สื่อข่าว ยิ้มเล็กน้อย และกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า
"คิดถึงนะคะ"
ประโยคสั้น ๆ นี้ กลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ทันที เนื่องจากผู้คนต่างตีความไปหลากหลายแง่มุม บ้างมองว่าเป็นการเลี่ยงตอบคำถามอย่างนุ่มนวล บ้างก็มองว่าเป็นการส่งสัญญาณในเชิงสื่อสารกับประชาชนหรือสื่อมวลชน
หลบเลี่ยงการตอบคำถามสื่อ
แม้ผู้สื่อข่าวจะพยายามตั้งคำถามซ้ำว่า น.ส.แพทองธารต้องการชี้แจงต่อกรณีข่าวลือการลาออกหรือไม่ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ตอบ พร้อมทั้งเดินฝ่ากลุ่มสื่อมวลชนออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว เพื่อขึ้นรถยนต์ที่รอรับอยู่บริเวณด้านนอกท้องสนามหลวง ท่ามกลางการติดตามบันทึกภาพและเสียงจากสื่อหลายสำนัก
พฤติกรรมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความระมัดระวังอย่างมากในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อน เพราะคดีคลิปเสียงดังกล่าวกำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ และทุกถ้อยคำของนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลานี้อาจถูกนำไปตีความในทางการเมือง
คดีคลิปเสียงและการเมืองไทยที่ตึงเครียด
ประเด็น “คลิปเสียงคุยฮุน เซน” เป็นข่าวที่สร้างแรงกระเพื่อมในวงการการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยในคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่ มีเนื้อหาที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นการสนทนาระหว่างน.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งบางฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ
แม้ฝ่ายรัฐบาลจะยืนยันว่าเนื้อหาในคลิปเป็นการบิดเบือนและตัดต่อ แต่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองกลับใช้เรื่องนี้เป็นประเด็นโจมตีอย่างหนัก และผลักดันให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงผ่านกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีกำหนดจะพิจารณาคดีในเร็ว ๆ นี้
ทำไมข่าวลือ "ลาออก" จึงร้อนแรง
กระแสข่าวลือเรื่องการลาออกของน.ส.แพทองธาร เกิดจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์การเมืองบางส่วน ที่มองว่าหากผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาในทางลบ อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อรัฐบาลและพรรคการเมืองของเธอ การลาออกก่อนการตัดสินอาจถูกใช้เป็นยุทธวิธีทางการเมืองเพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาว
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าข่าวลือนี้เป็นความจริง หรือเป็นเพียงการสร้างกระแสกดดันจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
ปฏิกิริยาจากสังคมและโลกออนไลน์
หลังจากเหตุการณ์ที่ท้องสนามหลวง มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนมากออกมาแสดงความคิดเห็นต่อท่าทีของน.ส.แพทองธาร บางส่วนมองว่าเป็นการวางตัวอย่างสุขุมและไม่ตอบโต้ให้เกิดความขัดแย้ง ขณะที่อีกส่วนหนึ่งกลับมองว่าการไม่ให้คำชี้แจงอาจสร้างความสงสัยในหมู่ประชาชนมากขึ้น
ในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก มีการติดแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับชื่อของน.ส.แพทองธาร และคำว่า “คิดถึงนะคะ” กลายเป็นประโยคไวรัลที่ผู้คนหยิบไปพูดเล่นและตีความกันในหลากหลายรูปแบบ
มุมมองนักวิชาการและนักวิเคราะห์การเมือง
นักวิเคราะห์การเมืองบางรายให้ความเห็นว่า การเลือกที่จะไม่ตอบคำถามใด ๆ ของน.ส.แพทองธาร อาจเป็นยุทธวิธีการสื่อสารเพื่อลดแรงปะทะในทางการเมือง เนื่องจากไม่ว่าคำตอบจะออกมาในรูปแบบใด ก็อาจถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือโจมตีได้
ขณะเดียวกัน นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์บางคนชี้ว่า การไม่ให้คำตอบในช่วงที่คดีอยู่ในชั้นพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่หลายผู้นำรัฐบาลในอดีตเคยทำเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ถ้อยคำใด ๆ กลายเป็นปัจจัยที่กระทบต่อการพิจารณาคดี
อนาคตทางการเมืองของ "อิ๊งค์" แพทองธาร
แม้กระแสข่าวและแรงกดดันทางการเมืองจะรุนแรง แต่ฐานเสียงของน.ส.แพทองธารยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานที่มีผู้สนับสนุนจำนวนมาก
นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ต่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่บทบาทของน.ส.แพทองธารในพรรคเพื่อไทยและในเวทีการเมืองไทยจะยังคงมีอยู่ต่อไป เนื่องจากเธอเป็นบุคคลสำคัญในโครงสร้างอำนาจของพรรค และมีภาพลักษณ์ที่สามารถเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ได้ดี
สรุป
เหตุการณ์ในเช้าวันที่ 12 สิงหาคม 2568 ที่ท้องสนามหลวง ได้ตอกย้ำถึงความตึงเครียดทางการเมืองในช่วงเวลานี้อย่างชัดเจน การที่น.ส.แพทองธารเลือกตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะคะ” ต่อหน้าสื่อมวลชน และไม่ให้คำชี้แจงใด ๆ ต่อข่าวลือการลาออก อาจเป็นทั้งยุทธวิธีทางการเมืองและการรักษาความสงบก่อนถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด คำพูดเพียงสามพยางค์ในวันนั้น ได้กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองร่วมสมัยของไทย และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของบทใหม่ในเส้นทางการเมืองของ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ในอนาคต














