ฝ่ายค้านกัมพูชา ปล่อยภาพการ์ตูนล้อเลียน ฮุน เซน ถูกล้อมด้วยผีทหาร
ปัญหากลิ่นศพทหารกัมพูชาบริเวณแนวชายแดน ความกังวลด้านสุขภาพและจิตใจ พร้อมเสียงวิจารณ์จากฝ่ายค้านกัมพูชา
วันที่ 12 สิงหาคม 2568 สถานการณ์ปัญหากลิ่นศพทหารกัมพูชาที่ถูกทิ้งไว้ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา กลายเป็นเรื่องที่ถูกจับตามองอย่างกว้างขวางในสังคมไทยและภูมิภาค โดยเฉพาะหลังจากที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับรายงานปัญหาดังกล่าว ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพและสภาพจิตใจของทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณแนวหน้า รวมถึงประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดความกังวลเกี่ยวกับมลพิษและความเสี่ยงจากเชื้อโรค
สถานการณ์กลิ่นศพทหารกัมพูชาในพื้นที่แนวชายแดน
ตามรายงาน พบว่าในพื้นที่การสู้รบตามแนวชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา มีศพของทหารกัมพูชาจำนวนมากถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการจัดการหรือกำจัดอย่างเหมาะสม ซึ่งส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็นเน่าและความไม่สะอาดในบริเวณนั้น สร้างความลำบากให้กับเจ้าหน้าที่ทหารไทยที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพภูมิอากาศที่ร้อนชื้น กลิ่นและเชื้อโรคอาจลุกลามและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุคลากรได้
นอกจากผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่ทหารแล้ว ยังส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงแนวชายแดน เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย รวมถึงความกังวลต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบ โดยเฉพาะกรณีเชื้อโรคอาจแพร่กระจายผ่านทางน้ำหรืออากาศ
ความเห็นจากนักวิชาการธรรมศาสตร์เกี่ยวกับความเสี่ยงโรคระบาด
ในทางตรงกันข้าม นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงของการเกิดโรคระบาดจากศพทหารกัมพูชาที่ถูกทิ้งไว้บริเวณชายแดน โดยระบุว่า ความเสี่ยงในการเกิดโรคระบาดนั้นต่ำกว่าที่หลายคนกังวล
โดยอธิบายว่าเชื้อไวรัสหรือเชื้อโรคส่วนใหญ่ในศพที่ตายไปแล้ว จะเริ่มสลายตัวและหมดฤทธิ์หลังผ่านระยะเวลาประมาณ 48 ชั่วโมง ข้อมูลนี้ถูกเปรียบเทียบกับเหตุการณ์สึนามิ ที่แม้จะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่ในพื้นที่นั้นก็ไม่เกิดโรคระบาดอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ นักวิชาการยังเรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่ไม่ต้องตื่นตระหนกหรือวิตกกังวลจนเกินเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดสะสมหรือความสับสนในสังคม
ปฏิกิริยาจากฝ่ายค้านกัมพูชา — สม รังสิ กับโพสต์เชิงเสียดสี “ฮุน เซน คืนชีวิตทหาร”
ในขณะที่สถานการณ์กลิ่นศพทหารกัมพูชายังคงเป็นปัญหาและประเด็นร้อนในฝั่งไทย ทางฝั่งกัมพูชาก็มีปฏิกิริยาที่ร้อนแรงเช่นกัน เมื่อ สม รังสิ ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชาที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพในแฟนเพจอย่างเป็นทางการของตนในวันที่ 12 สิงหาคม โดยใช้รูปการ์ตูนเชิงเสียดสีที่มีลักษณะคล้าย ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาในเครื่องแบบทหาร พร้อมกับภาพผีในชุดทหารกัมพูชา ประกอบข้อความว่า
“ฮุน เซน คืนชีวิตทหาร”
ข้อความนี้แสดงถึงความไม่พอใจและวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อการบริหารงานของฮุน เซน ที่ถูกมองว่าไม่สามารถจัดการกับปัญหาศพทหารและสถานการณ์ที่ย่ำแย่ในพื้นที่ชายแดนได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ประชาชนและทหารเสียชีวิตและถูกทิ้งให้อยู่ในสภาพอันเลวร้าย
ผลกระทบต่อสุขภาพและจิตใจของทหารไทยและประชาชน
การปล่อยทิ้งศพทหารกัมพูชาในพื้นที่การสู้รบ ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของทหารไทยที่ต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล และสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคง รวมถึงก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยด้านสุขภาพจากการสัมผัสเชื้อโรค
นอกจากนี้ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงยังได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็นและความกังวลเกี่ยวกับมลพิษทางน้ำและอากาศที่อาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว
มาตรการและความพยายามแก้ไขจากภาครัฐ
ในส่วนของภาครัฐไทย โดยกระทรวงสาธารณสุขและกองทัพไทย ได้เร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม เช่น การตั้งจุดตรวจสุขภาพ การให้คำแนะนำด้านสุขอนามัย และการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลกัมพูชายังไม่ได้ออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการต่อปัญหาศพทหารที่ถูกปล่อยทิ้ง ทำให้เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งฝั่งไทยและฝ่ายค้านกัมพูชา
บทสรุปและข้อคิด
สถานการณ์กลิ่นศพทหารกัมพูชาที่บริเวณชายแดนสะท้อนถึงความซับซ้อนและความรุนแรงของข้อพิพาทระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพและสภาพจิตใจของเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนในพื้นที่
แม้จะมีความกังวลเรื่องสุขภาพและโรคระบาด แต่จากข้อมูลวิชาการได้ให้ความมั่นใจว่า ความเสี่ยงในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและจริงจัง
เสียงวิจารณ์จากฝ่ายต่าง ๆ ทั้งในไทยและกัมพูชา สะท้อนถึงความไม่พอใจในการบริหารจัดการและเรียกร้องให้มีความรับผิดชอบต่อชีวิตทหารและประชาชนอย่างแท้จริง
การแก้ไขปัญหาในระยะยาวจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลทั้งสองฝ่าย เพื่อสร้างความมั่นใจและบรรเทาความวิตกกังวลของประชาชน รวมถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ชายแดน






















