วงในแฉ! ทหารเขมรยิงเพื่อนร่วมกองดับ แต่สื่อทำเงียบ
เหตุปืนลั่นในกองทัพกัมพูชาใกล้ชายแดนลาว สะท้อนความเปราะบางของสถานการณ์ชายแดน และกระแสข่าวบิดเบือนโจมตีไทย
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เพจ Army Military Force ได้เผยแพร่รายงานด่วนถึงเหตุการณ์ความสูญเสียในกองทัพกัมพูชา โดยระบุว่าเกิดเหตุ “ปืนลั่น” ภายในฐานปฏิบัติการทหารกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนลาว ฝั่งจังหวัดพระวิหาร ตรงข้ามกับแขวงจำปาศักดิ์ของ สปป.ลาว
เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย โดยกระสุนปืนพุ่งเข้าบริเวณหน้าอก 1 นัด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในฐาน ทั้งนี้จากข้อมูลที่เปิดเผย เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปะทะหรือการเผชิญหน้ากับทหารไทย แต่อย่างใด
รายละเอียดเหตุการณ์: จากการรายงานสู่การลบข้อมูล
จากโพสต์ของเพจ Army Military Force ข้อความระบุว่า เหตุปืนลั่นดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาราวเช้าตรู่ถึงช่วงสายของวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งทันทีที่ข่าวถูกเผยแพร่ ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ก็ถูกนำลงจากกลุ่มแจ้งข่าวในกัมพูชาอย่างรวดเร็ว
โดยการลบข้อมูลภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีหลังจากเผยแพร่ สร้างข้อสงสัยให้กับผู้ติดตามข่าวจำนวนมากว่าเหตุใดทางการหรือสื่อท้องถิ่นจึงไม่เปิดเผยข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ สิ่งที่น่าสังเกตคือ จนถึงขณะนี้ ทางการกัมพูชาไม่มีการออกแถลงการณ์หรือชี้แจงรายละเอียดใด ๆ ต่อสาธารณะ เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งในแง่ของสาเหตุการเสียชีวิต กระบวนการสืบสวน หรือมาตรการป้องกันเหตุซ้ำรอย
จุดเกิดเหตุและความสำคัญทางยุทธศาสตร์
ฐานปฏิบัติการที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่จังหวัดพระวิหารของกัมพูชา ซึ่งมีพรมแดนติดกับแขวงจำปาศักดิ์ของลาว พื้นที่นี้แม้จะไม่ได้เป็นจุดปะทะสำคัญระหว่างไทย–กัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ถือเป็นเขตชายแดนที่มีความละเอียดอ่อน เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากสามเหลี่ยมแดนที่เชื่อมต่อระหว่างไทย–กัมพูชา–ลาว
ความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของพื้นที่นี้ อยู่ที่การเป็นจุดเฝ้าระวังการลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย การเคลื่อนย้ายกำลังพล และการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยจากประเทศเพื่อนบ้าน การเกิดเหตุไม่คาดฝันภายในฐานจึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ
กระแสข่าวบิดเบือน: การโยนความผิดให้ทหารไทย
หลังจากเหตุการณ์เพียงไม่นาน มีกระแสข่าวจาก กลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “10 กัมพูซา” เผยแพร่ข้อความกล่าวหาว่า ทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตนั้นถูกสารพิษจากทหารไทย บริเวณวัดตามันหมันทม (หรือที่รู้จักกันในชื่อปราสาทตาเมือนธม) ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหานี้ถูกผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและผู้ติดตามสถานการณ์ชายแดนตั้งข้อสงสัยอย่างมาก เนื่องจากข้อเท็จจริงคือ ทหารไทยได้เข้าควบคุมพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ก่อนที่ข้อตกลงหยุดยิงจะมีผลบังคับใช้ ทำให้ไม่มีเหตุผลว่าทหารกัมพูชายังคงประจำการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
การกล่าวหานี้จึงถูกมองว่าเป็นความพยายาม “สร้างความเกลียดชัง” หรือกระตุ้นอารมณ์ชาตินิยมเพื่อต่อต้านไทย ท่ามกลางบรรยากาศความตึงเครียดจากพิพาทชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย
บริบทความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาในปัจจุบัน
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาตึงเครียดจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะเหตุการณ์ปะทะในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม และการปิดด่านชายแดนบางแห่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนอย่างหนัก ล่าสุด ยอดนำเข้าสินค้าจากไทยสู่กัมพูชาลดลงถึง 44% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นผลจากทั้งปัญหาทางการเมืองและมาตรการคว่ำบาตรบางสินค้าจากไทย
ในบรรยากาศเช่นนี้ เหตุการณ์ทหารเสียชีวิต แม้จะเป็นเพียง “ปืนลั่น” ภายในกองกำลังของกัมพูชา แต่ก็มีความอ่อนไหวต่อการตีความ และอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือโฆษณาชวนเชื่อได้ง่าย
ทำไมข่าวบิดเบือนจึงแพร่กระจายได้รวดเร็ว
นักวิเคราะห์ด้านข้อมูลข่าวสารชี้ว่า การที่ข่าวบิดเบือนสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วในกัมพูชา เกิดจากปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
1. ความรู้สึกชาตินิยมที่รุนแรง
ความขัดแย้งชายแดนในอดีตทำให้ประชาชนบางส่วนมีทัศนคติด้านลบต่อไทยอยู่แล้ว
2. ข้อจำกัดด้านเสรีภาพสื่อ
การที่สื่อหลักไม่สามารถรายงานข้อมูลได้อย่างอิสระ ทำให้ข่าวลือและข้อมูลที่ไม่ได้รับการตรวจสอบมีพื้นที่มากขึ้น
3. การใช้โซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลาย
แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Facebook และ Telegram เป็นช่องทางที่กลุ่มการเมืองใช้เผยแพร่เนื้อหาสั้น กระตุ้นอารมณ์ และยากต่อการควบคุม
ผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความมั่นคง
แม้เหตุการณ์ปืนลั่นจะเป็นเรื่องภายในของกองทัพกัมพูชา แต่กระแสข่าวบิดเบือนที่ตามมามีศักยภาพสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของกองทัพไทยในสายตาประชาชนกัมพูชา และอาจกระทบต่อกระบวนการเจรจาระหว่างสองประเทศในอนาคต
นอกจากนี้ การที่ข่าวลักษณะนี้ถูกนำไปขยายผล อาจทำให้ความเชื่อมั่นในข้อตกลงหยุดยิงและความร่วมมือชายแดนสั่นคลอน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย
แนวทางจัดการข่าวบิดเบือนและเสริมสร้างความเข้าใจ
ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวทางจัดการสถานการณ์ข่าวสารที่คล้ายกับเหตุการณ์นี้ ดังนี้
การสื่อสารเชิงรุกจากหน่วยงานรัฐ: ทั้งไทยและกัมพูชาควรมีโฆษกหรือช่องทางที่ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงอย่างทันท่วงที
ความร่วมมือระหว่างสื่อสองประเทศ: เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและลดการตีความที่คลาดเคลื่อน
การตรวจสอบข้อเท็จจริง (Fact-checking): กลุ่มอิสระและภาคประชาสังคมควรมีบทบาทมากขึ้นในการตรวจสอบและเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง
บทสรุป
เหตุการณ์ปืนลั่นที่เกิดขึ้นในฐานปฏิบัติการทหารกัมพูชาใกล้ชายแดนลาวเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเสียใจ และควรถูกมองในมิติของความปลอดภัยภายในกองทัพมากกว่าประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การที่เกิดกระแสข่าวบิดเบือนโยนความผิดให้ทหารไทย แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของสถานการณ์ข่าวสารในภูมิภาค
ในสภาวะที่ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชากำลังอยู่ในช่วงละเอียดอ่อน การรับมือกับข่าวลือและการสื่อสารข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใสจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งขยายตัวและกระทบต่อเสถียรภาพในระยะยาว
อ้างอิงจาก: เพจ Army Military Force






















