ชาวเน็ตกัมพูชาตั้งคำถาม ฮุน เซน ถล่มไทยจริง? ทำไมไร้หลักฐานภาพถ่าย
กระแสตื่นรู้ในกัมพูชา! โซเชียลตั้งคำถามข่าวชัยชนะชายแดน สวนทางข้อมูลฝั่งไทย – จี้รัฐบาลเผยภาพจริงพิสูจน์
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โลกโซเชียลมีเดียของประเทศกัมพูชากำลังร้อนระอุ หลังจากที่เพจชื่อดังในประเทศไทยอย่าง Drama-Addict ออกมาเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม เกี่ยวกับกระแสความไม่เชื่อมั่นของประชาชนชาวกัมพูชาบางส่วนต่อข่าวสารจากรัฐบาลของตนเอง โดยเฉพาะประเด็นการปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลกัมพูชานำโดย นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และ นายฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีและบิดาของเขา อ้างว่าสามารถ “ยึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญได้ทุกแห่ง” และประกาศชัยชนะเหนือไทยอย่างสิ้นเชิง
ข่าวจากรัฐบาลกัมพูชา – ยึดสมรภูมิสำคัญได้ทุกจุด ไทยพ่ายย่อยยับ
ตามรายงานจากฝั่งกัมพูชา รัฐบาลประกาศว่ากองทัพของตนสามารถยึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญตามแนวชายแดนได้ทุกแห่งในการปะทะกับทหารไทย พร้อมยืนยันว่า ไทยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ย่อยยับ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ขณะที่ฝั่งกัมพูชาเสียทหารเพียง 5 นายเท่านั้น
ข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านสื่อในประเทศกัมพูชาอย่างกว้างขวาง พร้อมคำกล่าวชื่นชมกองทัพในฐานะ “ผู้พิทักษ์ชาติ” แต่ในเวลาไม่นาน ความจริงจากฝั่งไทยที่ถูกนำเสนอออกมาหลากหลายช่องทาง กลับสวนทางกับคำกล่าวอ้างนี้อย่างสิ้นเชิง
ข้อมูลสวนทางจากฝั่งไทย – ไทยยึดจุดยุทธศาสตร์ได้ทั้งหมด
จากรายงานข่าวฝั่งไทย โดยเฉพาะภาพและคลิปจากหน่วยงานทหาร ยืนยันว่าฝ่ายไทยเป็นผู้ยึดครองจุดยุทธศาสตร์เหล่านั้นได้ทั้งหมด และมีการเผยแพร่ภาพข่าวล่าสุดที่บันทึกเหตุการณ์จริงในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นภาพการปฏิบัติภารกิจของทหารไทย การตรวจสอบพื้นที่ยึดครอง รวมถึงภาพพิธีสดุดีและให้เกียรติทหารกล้าที่เสียชีวิต
นอกจากนี้ ฝั่งไทยยังได้เปิดเผยชื่อของทหารที่เสียชีวิตอย่างชัดเจน พร้อมมาตรการช่วยเหลือครอบครัวตามระเบียบของกองทัพ ซึ่งแตกต่างจากฝั่งกัมพูชาที่ใช้ภาพเก่าในการรายงาน และยังคงยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตเพียง 5 นาย แม้ในความเป็นจริง ญาติพี่น้องของทหารกัมพูชาจำนวนมากกำลังจัดงานศพกันทั่วประเทศ
โลกออนไลน์กัมพูชาเริ่มตั้งคำถาม
แม้รัฐบาลกัมพูชาจะยังคงเผยแพร่ข่าวในเชิงชนะศึก แต่ในโลกออนไลน์ของกัมพูชากลับเริ่มมีผู้คนออกมาตั้งคำถามมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ติดตามข้อมูลจากหลายแหล่งและสามารถเข้าถึงข่าวจากฝั่งไทยได้
ชาวกัมพูชาบางรายโพสต์ข้อความในเชิงว่า
“ใครกันแน่ที่ยึดจุดยุทธศาสตร์ได้จริง? ทำไมไม่มีภาพใหม่ ๆ จากกองทัพของเราเลย?”
พวกเขาเรียกร้องให้กองทัพกัมพูชาเผยแพร่ ภาพหรือคลิปวิดีโอล่าสุด เพื่อยืนยันข้อเท็จจริง แต่จนถึงขณะนี้ ภาพที่เผยแพร่ออกมาจากฝั่งรัฐบาลยังคงเป็นภาพเก่าที่ถูกใช้ซ้ำหลายครั้ง
เสียงวิจารณ์ต่อรัฐบาลและกองทัพกัมพูชา
ผู้ใช้โซเชียลในกัมพูชาหลายรายตั้งข้อสังเกตว่า การรายงานข่าวแบบด้านเดียวและขาดหลักฐานยืนยัน ทำให้ประชาชนเริ่มหมดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลของ ฮุน มาเนต และ ฮุน เซน พวกเขามองว่าข่าวสารที่ออกมาอาจถูกปรุงแต่งเพื่อสร้างภาพลักษณ์ทางการเมือง
บางคนถึงขั้นกล่าวหาว่า การอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตเพียง 5 ราย ทั้งที่ในความเป็นจริงมีการจัดงานศพของทหารจำนวนมาก อาจเป็นความพยายามปกปิดความสูญเสียเพื่อไม่ให้กระทบต่อความนิยมของรัฐบาลและกองทัพ
ความเสี่ยงของผู้ที่วิจารณ์
แม้จะมีเสียงวิจารณ์มากขึ้น แต่หลายคนกังวลว่า ผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นขัดแย้งกับข้อมูลจากรัฐบาลอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของกัมพูชา ซึ่งมีมาตรการเข้มงวดต่อการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลบนโลกออนไลน์
ตามข้อมูลที่เพจ Drama-Addict นำมาเผยแพร่ มีการตั้งข้อสังเกตว่า “คนเหล่านี้อาจถูกสั่งดำเนินคดีในไม่ช้า” ซึ่งทำให้หลายคนในกัมพูชายังไม่กล้าแสดงความเห็นอย่างเปิดเผย
ปรากฏการณ์ “ตื่นรู้” ในประเทศเพื่อนบ้าน
กรณีนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมกัมพูชา ที่ประชาชนเริ่มไม่รับข้อมูลจากรัฐบาลเพียงด้านเดียว แต่หันมาค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่ง โดยเฉพาะข่าวสารจากต่างประเทศและโซเชียลมีเดีย
นักวิชาการด้านสื่อบางคนมองว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวคือจุดเริ่มต้นของ “การตื่นรู้ทางข้อมูล” ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลกัมพูชาต้องเผชิญกับแรงกดดันในการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องและโปร่งใสมากขึ้นในอนาคต
การสื่อสารในภาวะความขัดแย้ง – ใครควรเชื่อใคร?
ในสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ การรายงานข่าวมักเต็มไปด้วยข้อมูลจากหลายฝ่ายที่ขัดแย้งกัน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าประชาชนควรตรวจสอบข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้งสื่อหลัก สื่อทางเลือก และพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้จริง เช่น ภาพถ่าย วิดีโอ หรือคำให้การจากบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์
ในกรณีไทย–กัมพูชา ฝั่งไทยมีการเผยแพร่หลักฐานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฝั่งกัมพูชายังขาดภาพใหม่ ๆ ในการยืนยัน ทำให้ประชาชนบางส่วนเริ่มคลางแคลงใจมากขึ้น
สรุป
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงเป็นประเด็นด้านความมั่นคงชายแดน แต่ยังสะท้อนถึงความแตกต่างของ “วัฒนธรรมการสื่อสาร” ระหว่างสองประเทศ ฝั่งหนึ่งเปิดเผยข้อมูลและหลักฐานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อีกฝั่งยังยึดการรายงานแบบปิดและใช้ภาพเก่า ทำให้ความน่าเชื่อถือเริ่มสั่นคลอน
กระแสตื่นรู้ในหมู่ชาวกัมพูชาบนโลกออนไลน์อาจยังอยู่ในวงจำกัด แต่หากรัฐบาลยังคงปิดบังหรือไม่ให้ข้อมูลที่โปร่งใส เสียงเรียกร้องก็อาจขยายวงกว้างมากขึ้น และอาจกลายเป็นแรงกดดันทางการเมืองที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
จินนี่ ลูกสาวคุณหญิงสุดารัตน์ ตัดสินใจลงสนามการเมือง
ว้าว!! ดิจิตอลทีวีช่องดัง แปะโฆษณาชวนเล่นwนันบอล
#ทายนิสัยจากกาแฟ: เดือนเกิดคุณเปรียบเหมือนกาแฟแก้วไหน? ทายบุคลิก ความรัก และการเงินจากเครื่องดื่มแก้วโปรด
คู่หมั้นผู้นำ "เนเธอร์แลนด์" หุ่นไม่ธรรมดา..ว่าที่บุรุษหมายเลขหนึ่ง
ปูมัณฑนาเดือด แจ้งความเพจอีป้าข้างบ้าน หลังพบเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริง
เลขเด็ด "หวยไทยรัฐ" งวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 68 มาแล้ว!..รีบส่องเลย ก่อนหมดแผง!!
โซเชียลแห่แชร์ภาพ "ลิซ่า" ปรากฎตัวที่ "วัดเจดีย์หลวง" จ.เชียงใหม่..ถ่ายโปรโมตท่องเที่ยวไทย
เลขเด็ด "ทักษาพารวย" งวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 68...อยากถูกหวย ส่องด่วน!
50 แคปชั่นวันศุกร์ กวนๆ ฮาๆ ศุกร์หรรษา อ่อยๆ คำคมวันศุกร์คอแห้ง โดนๆ
"อ.เจษฎา" เฉลยแล้ว! "ยอดเขาแหลมสีทอง" เกิดจากอะไร..มันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด
รวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ ส่วนข้อคิดประจำวันก็คือ อย่าหัวเราะถ้าพายุจะพัดไปประเทศใคร เพราะพายุมันอาจจะพัดเข้าประเทศตัวเองแทนก็ได้เด้อ ขอบคุณครับ
ควรเคารพกฎหมายไทย! "แนท อนิพรณ์-น้ำตาล ชลิตา" เผยหลังดราม่า "ราอูล" ให้นางงามถ่ายคลิปโปรโมตคๅสิโน
ว้าว!! ดิจิตอลทีวีช่องดัง แปะโฆษณาชวนเล่นwนันบอล
จินนี่ ลูกสาวคุณหญิงสุดารัตน์ ตัดสินใจลงสนามการเมือง
ทำไมไอดอลกรุ๊ป ถึงห้ามมีความรัก ห้ามถูกตัวผู้ชาย ทั้งที่มีกิจกรรมให้จบมือได้?
😁 ชวนเข้ามาลองดูภาพถ่ายที่ตั้งใจให้ดูธรรมดา แต่กลายเป็นว่ามันไม่ธรรมดาซะงั้น 😉
เขมรเรียกร้องให้ไทยปล่อยตัวเชลยศึกตามสัญญา
“หมวดอ๋อ” ขอแฟนแต่งงานในบรรยากาศโรแมนติก พร้อมโพสต์ภาพและข้อความประกาศข่าวดี





