ฮุนเซนเหน็บ คนไทยสนใจชีวิตส่วนตัว ยิ่งกว่าข่าวดารา
สมเด็จฮุน เซน เผยคนไทยติดตามโซเชียลเพียบ – ยอมรับมีบางส่วนเข้ามาก่อกวนแต่ไม่ลบคอมเมนต์
วันที่ 11 สิงหาคม 2568 สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียส่วนตัว กล่าวถึงการสังเกตพฤติกรรมของผู้ติดตาม โดยเฉพาะชาวไทยที่เข้ามามีส่วนร่วมกับโพสต์ของเขาอย่างต่อเนื่อง
แม้จะเป็นการอัปเดตชีวิตประจำวันในเรื่องทั่วไป เช่น การออกกำลังกาย การเล่นกีฬา หรือแม้กระทั่งประเด็นการเมืองและเหตุการณ์บ้านเมือง แต่กลับพบว่ามีคนไทยติดตามและมีปฏิสัมพันธ์กับโพสต์ของเขาในสัดส่วนที่น่าสนใจ โดยบางครั้งตัวเลขผู้ชมชาวไทยพุ่งสูงกว่าร้อยละ 17 ของยอดผู้เข้าชมทั้งหมด
จากโพสต์ตีกอล์ฟสู่หน้าสื่อไทย
สมเด็จฮุน เซน เริ่มต้นข้อความโพสต์ล่าสุดด้วยการเล่าถึงเหตุการณ์ในเช้าวันเดียวกัน เขาได้โพสต์ภาพและข้อความเกี่ยวกับกิจกรรมการตีกอล์ฟส่วนตัว ซึ่งโดยปกติแล้วก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เขามักแบ่งปันให้ผู้ติดตามได้เห็นในมุมที่ผ่อนคลายและไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ มีสื่อมวลชนจากประเทศไทยนำโพสต์นี้ไปลงข่าว นั่นทำให้เขาตระหนักว่าไม่เพียงแต่ประชาชนชาวกัมพูชาจะติดตามความเคลื่อนไหวของเขา แต่ยังมีชาวไทยจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสนใจในกิจกรรมส่วนตัวด้วย
ชาวไทยติดตามมากกว่า 5% ของผู้ชมทั้งหมด
สมเด็จฮุน เซน กล่าวต่อว่า จากการสังเกตข้อมูลสถิติของโพสต์ในแต่ละครั้ง พบว่ามีชาวไทยเข้ามารับชมเนื้อหาของเขามากกว่าร้อยละ 5 ของยอดผู้เข้าชมทั้งหมดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับความแตกต่างทางภูมิศาสตร์ ภาษา และการเมืองระหว่างสองประเทศ
ยิ่งไปกว่านั้น ในบางโพสต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประเด็นความมั่นคงหรือเรื่องราวทางทหาร เช่น โพสต์เกี่ยวกับ "การใช้หนังสติ๊กเป็นอาวุธ" ยอดผู้ชมจากประเทศไทยพุ่งสูงถึงร้อยละ 17.1 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก และสะท้อนถึงความสนใจของคนไทยต่อประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา
รับมือคอมเมนต์ก่อกวนด้วยวิธีเฉพาะตัว
แม้จะมีชาวไทยติดตามโพสต์ของเขามาก แต่สมเด็จฮุน เซน ยอมรับว่าในทุกครั้งที่โพสต์ จะมีบางส่วนที่มีเจตนาไม่ดี เข้ามาคอมเมนต์ในเชิงโจมตี หรือแสดงความเห็นที่ร้ายแรงต่อกัมพูชา คอมเมนต์เหล่านี้มักปรากฏทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
สิ่งที่น่าสนใจคือ เขาไม่ได้สั่งให้ทีมงานหรือตนเองลบคอมเมนต์เหล่านั้นออก แม้ข้อความบางส่วนจะมีเนื้อหาก้าวร้าวหรือวิจารณ์อย่างรุนแรง แต่เขาเลือกที่จะปล่อยให้คงอยู่บนหน้าสาธารณะ เพื่อแสดงถึงการเปิดพื้นที่ให้ผู้คนแสดงความคิดเห็น แม้จะเห็นต่างกันก็ตาม
บางครั้ง หากเห็นว่าจำเป็น เขาจะตอบกลับสั้น ๆ ในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา เช่นประโยคภาษาอังกฤษว่า "Don't Thai to me" ซึ่งเป็นการเล่นคำระหว่างคำว่า "Thai" (คนไทย) กับ "lie" (โกหก) เพื่อสื่อความหมายเชิงเตือนหรือโต้กลับอย่างมีชั้นเชิง
ความหมายและนัยทางการเมือง
การที่ผู้นำระดับสูงของกัมพูชาอย่างสมเด็จฮุน เซน ออกมาพูดถึงพฤติกรรมของผู้ติดตามจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศไทย มีนัยสำคัญทั้งในเชิงการทูตและการเมืองภายในภูมิภาค
1. สะท้อนการติดตามข้ามพรมแดน – ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชาจะเป็นเช่นไร แต่ความสนใจของประชาชนต่อผู้นำประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีอยู่ตลอดเวลา
2. การใช้โซเชียลมีเดียเป็นเวทีการสื่อสาร – ฮุน เซน ใช้โซเชียลเป็นช่องทางหลักในการสื่อสารกับประชาชนทั้งในและนอกประเทศ โดยไม่ผ่านการกรองของสื่อกระแสหลัก ทำให้สามารถสื่อสารได้อย่างตรงไปตรงมา
3. การรับมือคำวิจารณ์อย่างเปิดเผย – การไม่ลบคอมเมนต์ก่อกวน แต่อาจเลือกตอบกลับอย่างมีอารมณ์ขัน สะท้อนถึงการควบคุมวาระการสื่อสารในแบบของตนเอง
ภาพลักษณ์ของฮุน เซนบนโลกออนไลน์
สมเด็จฮุน เซน เป็นที่รู้จักกันดีว่าแม้จะเป็นนักการเมืองรุ่นเก๋า แต่ก็ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างคล่องแคล่ว โดยเฉพาะการใช้เฟซบุ๊กและแพลตฟอร์มอื่นในการสื่อสารกับสาธารณะ
เขามักโพสต์เนื้อหาหลากหลาย ตั้งแต่กิจกรรมส่วนตัว เช่น การตีกอล์ฟ การตกปลา หรือการพบปะครอบครัว ไปจนถึงประเด็นการเมือง การพัฒนาเศรษฐกิจ และนโยบายสาธารณะของกัมพูชา
ลักษณะการสื่อสารของเขามีทั้งด้านเป็นกันเองและตรงไปตรงมา บางครั้งก็มีการใช้คำพูดหรือวลีที่กลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ ทั้งในหมู่ชาวกัมพูชาและชาวต่างประเทศ
บริบทความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา
แม้ข้อความโพสต์ของฮุน เซน จะไม่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์การเมืองระหว่างไทย–กัมพูชาโดยตรง แต่การที่มีผู้ติดตามจากไทยจำนวนมากเข้ามาโต้ตอบก็อาจสะท้อนถึงความตึงเครียดหรือความสนใจในสถานการณ์ชายแดน รวมถึงข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองประเทศในช่วงเวลานี้
ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชามีทั้งช่วงที่แน่นแฟ้นและช่วงที่ตึงเครียด ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายประเด็นที่ยังเป็นที่ถกเถียง เช่น ข้อพิพาทเรื่องเขตแดนและพื้นที่ชายแดน การค้าข้ามแดน และการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองในพื้นที่ใกล้พรมแดน
เสียงสะท้อนจากสังคมออนไลน์
หลังจากโพสต์ของสมเด็จฮุน เซน เผยแพร่ออกไป ก็มีผู้คนทั้งในกัมพูชาและไทยเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย บางส่วนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้นำประเทศเพื่อนบ้านจะได้รับความสนใจจากคนไทย โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไร้พรมแดน
ขณะที่บางส่วนตั้งข้อสังเกตว่าความถี่ในการตอบโต้หรือวิจารณ์ผู้นำกัมพูชาจากชาวไทย อาจสะท้อนถึงความไม่พอใจหรือความรู้สึกค้างคาใจจากเหตุการณ์ทางการเมืองและประวัติศาสตร์ระหว่างสองประเทศ
บทสรุป
โพสต์ล่าสุดของสมเด็จฮุน เซน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2568 ไม่เพียงแต่เป็นการเล่าเรื่องกิจกรรมส่วนตัวอย่างการตีกอล์ฟ แต่ยังกลายเป็นประเด็นน่าสนใจในเชิงสังคมและการเมือง เมื่อเขาเผยว่ามีผู้ติดตามจากไทยจำนวนไม่น้อย และบางครั้งก็มีการแสดงความคิดเห็นในเชิงลบต่อกัมพูชา
การที่เขาเลือกไม่ลบคอมเมนต์ก่อกวน และตอบกลับด้วยประโยคสั้น ๆ อย่าง "Don't Thai to me" แสดงให้เห็นถึงวิธีการรับมือคำวิจารณ์ที่ผสมผสานระหว่างความมั่นใจและอารมณ์ขัน ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขายังคงเป็นบุคคลสาธารณะที่ผู้คนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง






















