มาลีแถลงชัดถึง! "แม่ทัพกุ้ง" โฆษกกลาโหมเขมร เผย 2 ประเด็นสำคัญ
แถลงการณ์ล่าสุดของ พลโทหญิง มาลี โส เจียดา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ตอบโต้แผนการและการกระทำของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย
ในวันที่ 10 สิงหาคม 2568 เกิดความเคลื่อนไหวที่สำคัญทางการทูตและความมั่นคงในภูมิภาค เมื่อ พลโทหญิง มาลี โส เจียดา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเพื่อชี้แจงและเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย หรือที่ชาวโซเชียลและสื่อบางแห่งเรียกกันว่า "แม่ทัพกุ้ง" ซึ่งมีแผนเกษียณอายุราชการในอีกเพียง 51 วันข้างหน้า
แถลงการณ์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นเสียงอย่างเป็นทางการของฝ่ายกัมพูชาที่สะท้อนความกังวลและท่าทีอย่างชัดเจนต่อการเคลื่อนไหวของกองทัพไทยในพื้นที่ชายแดน ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเห็นว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและอำนาจอธิปไตยของตนเอง
รายละเอียดแถลงการณ์จาก พลโทหญิง มาลี โส เจียดา
พลโทหญิง มาลี โส เจียดา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้เปิดเผยรายละเอียดในแถลงการณ์ดังนี้:
1. การประกาศแผนเกษียณของ พลโท บุญสิน พาดกลาง
แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ว่าเขาจะเกษียณอายุราชการในอีก 51 วันข้างหน้า และได้ดำเนินการตามแผน 2 ประการในพื้นที่ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา
2. การยืดปราสาทตาควาย
ในแถลงการณ์ระบุว่า พลโท บุญสิน ได้ยืดปราสาทตาควายซึ่งตั้งอยู่ในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชา โดยการเคลื่อนไหวนี้เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ตกลงร่วมกันไว้
3. การปิดปราสาทตาเมือนธม
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังได้ประกาศปิดปราสาทตาเมือนธม ซึ่งก็ตั้งอยู่ในพื้นที่อำนาจอธิปไตยของกัมพูชาเช่นเดียวกัน การกระทำนี้ถูกมองว่าเป็นการยั่วยุและบ่อนทำลายอธิปไตยของกัมพูชา
4. การละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
พลโทหญิงมาลีชี้แจงว่า การกระทำทั้งสองประการนี้เป็นการละเมิดข้อตกลงการหยุดยิงที่ได้มีการประชุมพิเศษในวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 รวมถึงขัดต่อจิตวิญญาณของการประชุมวิสามัญของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ที่จัดขึ้น ณ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568
ข้อเรียกร้องและความหวังจากกัมพูชา
แถลงการณ์ยังเน้นย้ำถึงหลักการแห่งสันติภาพและความสำคัญของการรักษาข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยมีข้อเรียกร้องสำคัญ ดังนี้:
ประเทศไทยต้องเคารพข้อตกลงหยุดยิงไม่ใช่เพียงแค่คำพูด แต่ต้องแสดงออกด้วยการกระทำจริงจัง
ต้องหยุดทุกความรุนแรงและความโหดร้ายในพื้นที่ชายแดน
ต้องปลดรั้วลวดหนามที่ติดตั้งในดินแดนอธิปไตยของกัมพูชาออกทันที
ทั้งสองประเทศควรร่วมมือกันเพื่อรักษาสันติภาพและความมั่นคงในพื้นที่
พลโทหญิงมาลียังเรียกร้องให้นานาประเทศ รวมถึงพันธมิตรของกัมพูชา กระตุ้นให้ฝ่ายไทยรักษาคำมั่นในข้อตกลงและไม่สร้างสถานการณ์ที่ทำลายความสงบ
บริบทและสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในปัจจุบัน
ความสัมพันธ์ชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีความตึงเครียดขึ้นลงอยู่เสมอ โดยมีข้อพิพาทในเรื่องอาณาเขตที่เป็นจุดชนวนของเหตุการณ์ต่างๆ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีรายงานเกี่ยวกับการยืดแนวชายแดน การตั้งจุดตรวจ และการลาดตระเวนที่รุนแรงขึ้นจากทั้งสองฝ่าย ส่งผลให้เกิดการปะทะและข้อขัดแย้งหลายครั้ง
ภายใต้การประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจและการประนีประนอมในประเด็นนี้ ฝ่ายไทยและกัมพูชาต่างเห็นชอบให้มีการหยุดยิงและงดเว้นการเคลื่อนไหวทางทหารที่เกินกว่าจุดที่ตกลงกันไว้
แต่ทว่า แถลงการณ์ล่าสุดจากฝ่ายกัมพูชาแสดงให้เห็นว่า ฝ่ายไทยโดยแม่ทัพภาคที่ 2 อาจละเมิดข้อตกลงดังกล่าวด้วยการดำเนินการในพื้นที่ชายแดน
ท่าทีของฝ่ายไทยและผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย พลโท บุญสิน พาดกลาง ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในการควบคุมดูแลและปกป้องชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีบทบาทสำคัญในการรักษาความมั่นคง แต่การกระทำบางอย่างกลับถูกฝ่ายกัมพูชาแปลความหมายว่าเป็นการยั่วยุและละเมิดข้อตกลง
ในขณะที่ไทยอาจมองว่าเป็นการดำเนินการป้องกันตัวและรักษาอธิปไตยของตนเอง แต่ฝ่ายกัมพูชามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและเป็นภัยต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ความตึงเครียดนี้อาจส่งผลกระทบต่อการเจรจาในระดับรัฐบาล และสร้างความไม่ไว้วางใจในอนาคตของความร่วมมือด้านความมั่นคง
ความสำคัญของข้อตกลงหยุดยิงและการประชุม GBC
ข้อตกลงหยุดยิงและการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ถือเป็นกลไกหลักในการจัดการกับข้อพิพาทชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา
การประชุมวิสามัญที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 เป็นความพยายามของทั้งสองฝ่ายในการหาแนวทางรักษาความสงบและป้องกันการปะทะกันในอนาคต
ข้อสรุปสำคัญที่ได้ คือ ทั้งสองฝ่ายต้องไม่ย้ายกองทัพและงดเว้นการลาดตระเวนที่เกินกว่าตำแหน่งปัจจุบัน เพื่อไม่ให้เกิดความตึงเครียดหรือเหตุการณ์ที่อาจลุกลามเป็นความรุนแรง
แถลงการณ์ของฝ่ายกัมพูชาจึงเน้นย้ำให้ฝ่ายไทยปฏิบัติตามข้อตกลงเหล่านี้อย่างเคร่งครัด
สถานการณ์ชายแดนในสายตาของ พลโทหญิง มาลี
ในแถลงการณ์ของเธอ พลโทหญิง มาลี โส เจียดา ระบุว่า โดยภาพรวมสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา “อยู่ในสภาวะสงบมาก” แต่ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อปรับปรุงและรักษาความสงบนี้ให้อยู่ในระดับที่ดียิ่งขึ้น
การหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจขัดขวางความสงบ ความมั่นคง และความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ ถือเป็นกุญแจสำคัญ
เธอยังระบุว่า ความสงบที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงความต้องการของคนในสองประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่ประชาคมโลกต่างให้ความสนใจและต้องการเห็นความสงบในภูมิภาคนี้
สรุปและความคาดหวังในอนาคต
แถลงการณ์ของ พลโทหญิง มาลี โส เจียดา เป็นเสียงสะท้อนที่ชัดเจนของฝ่ายกัมพูชาต่อการกระทำของฝ่ายไทยในพื้นที่ชายแดน และเป็นการเรียกร้องให้เคารพข้อตกลงหยุดยิงและแนวทางที่ได้ร่วมกัน
ในขณะเดียวกัน ก็แสดงให้เห็นถึงความหวังที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันรักษาสันติภาพและความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน
สำหรับประเทศไทยเอง การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ถือเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างความมั่นคงและสันติภาพในภูมิภาค
ด้วยเหตุนี้ การปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างประเทศ และการสื่อสารที่ชัดเจนและเปิดเผยระหว่างกัน จึงเป็นหนทางสำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งที่อาจลุกลามในอนาคต





















