หลวงพ่ออลงกตแจงซื้อที่ 4 แปลง ทำไมไม่ใช้ชื่อวัด
เปิดประเด็นร้อน “หลวงพ่ออลงกต” ยอมรับครั้งแรก กรณีโฉนดที่ดิน 4 แปลง กว่า 20 ไร่ ซื้อจริง แต่ไม่ใส่ชื่อวัด เหตุผลยังเป็นคำถามใหญ่ในสังคม
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 รายการข่าวชื่อดัง “ทุบโต๊ะข่าว” ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ได้เผยแพร่ข้อมูลและหลักฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือที่รู้จักกันในนาม หลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี พระนักพัฒนาที่มีชื่อเสียงจากการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีและผู้ด้อยโอกาสในสังคม
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ชื่อของหลวงพ่ออลงกตตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อมีประเด็นสงสัยเกี่ยวกับการใช้เงินบริจาคของวัด รวมถึงความเชื่อมโยงกับ หมอบี เสกสันน์ หรือ “ทูตสื่อวิญญาณ” ที่เคยมีการระบุว่ามีเงินส่วนต่างจากเงินบริจาคและเงินของวัดที่ยังไม่ชัดเจนกว่า 5.4 ล้านบาท
ล่าสุด รายการ “ทุบโต๊ะข่าว” ได้เปิดหลักฐานเป็นโฉนดที่ดินจำนวน 4 แปลง ในจังหวัดลพบุรี ซึ่งมีข้อมูลว่ามีการซื้อโดยใช้เงินบริจาค แต่กลับไม่ได้ใส่ชื่อวัดพระบาทน้ำพุเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
รายละเอียดที่ดินทั้ง 4 แปลง
ทีมข่าวช่อง 8 ได้รับเอกสารโฉนดที่ดิน 4 ฉบับ ซึ่งประกอบด้วย
1. แปลงแรก – เนื้อที่ 3 งาน 70 ตารางวา
2. แปลงที่สอง – เนื้อที่ 74 ตารางวา
3. แปลงที่สาม – เนื้อที่ 10 ไร่ 17 ตารางวา
4. แปลงที่สี่ – เนื้อที่ 14 ไร่ 1 งาน 35 ตารางวา
ทั้ง 4 แปลงอยู่ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี และในเอกสารการซื้อขาย ปรากฏชื่อผู้ถือครองคือ นางสาววรสุดา (ขอสงวนนามสกุล) ไม่ได้ระบุเป็นชื่อของวัดหรือมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ
คำถามสำคัญจากสังคม
ประเด็นนี้สร้างข้อกังขาอย่างมาก เพราะหากเป็นการซื้อที่ดินโดยใช้ เงินของวัด หรือ เงินจากการบริจาค แล้วกลับไปใส่ชื่อบุคคลส่วนตัว ก็อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือมีปัญหาด้านความโปร่งใส
พิธีกรของรายการ “ทุบโต๊ะข่าว” คุณพุทธ อภิวรรณ ถึงกับตั้งคำถามกลางรายการว่า
“ถ้าเงินที่ใช้ซื้อเป็นเงินจากสาธุชน ทำไมจึงไม่ใส่ชื่อวัดให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต?”
หลวงพ่ออลงกตเปิดใจ ยอมรับซื้อจริง ใส่ชื่อบุคคลจริง
ภายหลังจากทีมข่าวติดต่อขอสัมภาษณ์ หลวงพ่ออลงกตก็ได้ตอบรับและเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า มีการซื้อที่ดินจริง และ ใส่ชื่อบุคคลอื่นเป็นเจ้าของ ตามที่เป็นข่าว แต่ให้เหตุผลว่ามีเงื่อนไขและข้อตกลงชัดเจน
หลวงพ่อระบุว่า ที่ดินที่ซื้อมา ไม่ได้มีเจตนาครอบครองเพื่อตัวเอง แต่เพื่อใช้ทำสาธารณประโยชน์ เช่น การสร้างโรงพยาบาล โรงเรียน หรือสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ ตามแนวทางที่วัดพระบาทน้ำพุดำเนินการมาโดยตลอด
“หลวงพ่อไม่เคยมีที่ดินสักตารางนิ้วเดียว” – หลวงพ่ออลงกต กล่าวย้ำ
เหตุผลที่ไม่ใส่ชื่อวัด
หลวงพ่ออธิบายว่า สาเหตุที่ไม่ใส่ชื่อวัดโดยตรง เพราะการซื้อที่ดินบางกรณีต้องดำเนินการภายใต้ข้อกฎหมายและข้อจำกัดของวัด ดังนั้นจึงใช้ชื่อของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับมูลนิธิ หรือ ไวยาวัจกร (ผู้ดูแลทรัพย์สินของวัด) เป็นผู้ถือครองแทน
พร้อมทำบันทึกข้อตกลงว่า
ต้องนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์
ในอนาคตต้องโอนที่ดินกลับมาเป็นของมูลนิธิ
ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ส่วนตัว
มุมมองจากสังคมและข้อกังขาที่ยังอยู่
แม้หลวงพ่ออลงกตจะออกมาชี้แจงแล้ว แต่ในโลกออนไลน์ยังคงมีการถกเถียงอย่างดุเดือด หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า การใช้ชื่อบุคคลแทนวัดในโฉนด อาจเปิดช่องให้เกิดการโอนขายหรือใช้ประโยชน์ในทางอื่นในอนาคตได้
ขณะเดียวกันก็มีผู้ที่เห็นใจและเชื่อมั่นในเจตนาของหลวงพ่อ โดยมองว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนั้น และไม่ควรรีบด่วนตัดสิน
ประเด็นเงินบริจาคและความโปร่งใส
นอกจากเรื่องโฉนดที่ดินแล้ว ยังมีประเด็นต่อเนื่องจากกรณี หมอบี เสกสันน์ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เงินบริจาคบางส่วนอาจมี “ส่วนต่าง” ที่ไม่ชัดเจนกว่า 5.4 ล้านบาทในช่วงปี 2567-2568 โดยเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของสังคม และมีการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด
สิ่งที่หลวงพ่อต้องเผชิญต่อไป
จากกระแสกดดันทั้งในและนอกโลกออนไลน์ หลวงพ่ออลงกตจำเป็นต้องชี้แจงให้สังคมและหน่วยงานรัฐรับทราบอย่างละเอียดว่า
เงินบริจาคที่ได้รับนำไปใช้อย่างไร
การซื้อที่ดินทั้ง 4 แปลงมีแหล่งที่มาของเงินจากไหน
มีเอกสารยืนยันการใช้ประโยชน์เพื่อสาธารณะหรือไม่
หากมีหลักฐานและเหตุผลชัดเจน ก็จะช่วยคลายความกังวลและฟื้นความศรัทธาจากสาธุชนได้
สรุป
กรณีโฉนดที่ดิน 4 แปลงกว่า 20 ไร่ ของหลวงพ่ออลงกต เป็นประเด็นที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนในการจัดการทรัพย์สินของวัดและเงินบริจาคของสาธุชน แม้เจ้าอาวาสจะยืนยันว่าทำเพื่อสาธารณะและไม่ได้เป็นเจ้าของส่วนตัว แต่ก็ยังคงมีคำถามสำคัญจากสังคมที่ต้องการคำตอบอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
เรื่องนี้คงต้องติดตามต่อไปว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างไร และหลวงพ่ออลงกตจะสามารถอธิบายและสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนให้กับศรัทธาชนได้หรือไม่






















