ทักษิณส่งมอบโดรน 10 ชุด เสริมแกร่งลาดตระเวนชายแดน
“ทักษิณ” มอบโดรน 10 ชุด มูลค่า 3 ล้านบาท เสริมกำลังทัพบกไทยป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา “แม่ทัพภาคที่ 2” รับมอบอย่างเป็นทางการ ย้ำเพิ่มศักยภาพลาดตระเวนเพื่อความมั่นคง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 สิงหาคม 2568 ที่ห้องรับรองกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา ได้มีพิธีมอบอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) จำนวน 10 ชุด มูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาท ให้แก่กองทัพบกไทย เพื่อใช้ในการเสริมศักยภาพการลาดตระเวนและป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา
พิธีดังกล่าวจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่เป็นทางการ โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้แทนกองทัพบกรับมอบ พร้อมด้วยนายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 2 ร่วมเป็นสักขีพยาน
ผู้มอบและผู้ร่วมสนับสนุน
โดรนทั้ง 10 ชุดนี้ได้รับมอบจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักในครั้งนี้ พร้อมกันนี้ยังมีงบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมจำนวน 50,000 บาท จาก คณะนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 เพื่อเป็นทุนสำรองด้านการบำรุงรักษาและการจัดการด้านเทคนิค
การมอบอุปกรณ์ครั้งนี้มี พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นผู้แทนส่งมอบอย่างเป็นทางการแทนนายทักษิณ พร้อมกล่าวถึงความสำคัญของการเสริมศักยภาพด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน
ความสำคัญของโดรนในภารกิจชายแดน
พล.ท.บุญสิน พาดกลาง กล่าวว่า ในนามของกองทัพบกและกองทัพภาคที่ 2 ขอขอบคุณนายทักษิณ และคณะนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 ที่ได้ร่วมมอบอุปกรณ์สำคัญให้แก่กองทัพบกในครั้งนี้
“โดรนเหล่านี้จะถูกนำไปใช้เพื่อเสริมความสามารถของหน่วยลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ การเฝ้าระวังและป้องกันชายแดนจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีทันสมัย เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมือง การลักลอบขนของผิดกฎหมาย และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนและประเทศ”
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวเสริมว่า ปัจจุบันสถานการณ์ตามแนวชายแดนมีความท้าทายหลายด้าน ทั้งภัยจากอาชญากรรมข้ามชาติ การลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมาย และความตึงเครียดจากข้อพิพาทบางพื้นที่ การมีอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสอดแนมและตรวจการณ์ทางอากาศ จะทำให้การปฏิบัติงานของทหารมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ลักษณะและคุณสมบัติของโดรนที่มอบ
แม้จะไม่มีการเปิดเผยชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการ แต่จากข้อมูลที่ได้รับ ระบุว่าโดรนที่มอบให้ในครั้งนี้มีคุณสมบัติเด่นหลายประการ ได้แก่
ความสามารถในการบินต่อเนื่องนานกว่า 40 นาที ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
ติดตั้งกล้องความละเอียดสูงพร้อมระบบซูมหลายระดับ เพื่อการสังเกตการณ์ระยะไกล
ระบบส่งสัญญาณแบบเข้ารหัส เพื่อความปลอดภัยในการสื่อสารข้อมูล
ฟังก์ชันบินอัตโนมัติและกำหนดเส้นทางล่วงหน้า (GPS waypoint) ช่วยให้การลาดตระเวนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ทนทานต่อสภาพอากาศ สามารถใช้งานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้โดรนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่ชายแดนที่มีสภาพภูมิประเทศซับซ้อน และลดความเสี่ยงที่ทหารจะต้องเผชิญหน้าโดยตรงกับสถานการณ์อันตราย
ความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
การมอบโดรนครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีความตึงเครียดจากหลายประเด็น ทั้งการเคลื่อนไหวของกองกำลังในพื้นที่ การจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมือง และล่าสุดคือเหตุการณ์ที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทยใช้เครื่องบิน F-16 ทิ้งระเบิด MK-84 ในพื้นที่อุดรมีชัย
แม้ทางการไทยจะปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่กองทัพก็ยังคงเพิ่มความระมัดระวังและเสริมกำลังลาดตระเวนเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด การมีอุปกรณ์สอดแนมที่ทันสมัยเช่นโดรน จึงเป็นการเตรียมความพร้อมเชิงยุทธศาสตร์
มุมมองของอดีตนายกรัฐมนตรี
แม้ในพิธีครั้งนี้ นายทักษิณไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเอง แต่ผู้แทนได้ถ่ายทอดข้อความขอบคุณกองทัพบกที่เปิดโอกาสให้ได้สนับสนุนงานด้านความมั่นคง โดยนายทักษิณระบุว่า การรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของชายแดน ไม่เพียงแต่ปกป้องดินแดน แต่ยังหมายถึงการดูแลความปลอดภัยของประชาชนทุกคน
เขายังกล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เป็นหัวใจสำคัญในการปกป้องประเทศ ซึ่งการมอบโดรนในครั้งนี้ถือเป็นเพียงหนึ่งในหลายวิธีที่ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้
การใช้โดรนในภารกิจของกองทัพ
กองทัพภาคที่ 2 มีพื้นที่รับผิดชอบครอบคลุมหลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีแนวชายแดนติดกับกัมพูชาเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร การลาดตระเวนด้วยกำลังพลเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอในยุคปัจจุบัน
การใช้โดรนช่วยให้สามารถตรวจการณ์ได้ในพื้นที่กว้างภายในเวลาสั้น ลดภาระกำลังพล และสามารถส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ไปยังศูนย์บัญชาการ ทำให้ตัดสินใจได้รวดเร็วเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ
นอกจากนี้ โดรนยังสามารถใช้ในภารกิจค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ห่างไกล การติดตามขบวนการลักลอบตัดไม้ การตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม และการสำรวจพื้นที่เกษตรเพื่อช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤติ
การสนับสนุนจากประชาชนและภาคส่วนอื่น
กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าการเสริมสร้างความมั่นคงของประเทศไม่จำเป็นต้องมาจากภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว แต่ภาคประชาชน องค์กรเอกชน และบุคคลทั่วไปก็สามารถมีบทบาทได้เช่นกัน การมอบโดรนมูลค่าหลายล้านบาทและงบสนับสนุนเพิ่มเติมจากคณะนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 เป็นตัวอย่างของความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม
กองทัพภาคที่ 2 ได้แสดงความยินดีที่จะเปิดรับความช่วยเหลือจากทุกฝ่าย และพร้อมทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ
บทสรุป
พิธีมอบโดรน 10 ชุด มูลค่า 3 ล้านบาทในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับกองทัพบกไทยในการป้องกันชายแดนแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่างภาคประชาชนและภาครัฐเพื่อความมั่นคงของชาติ การเสริมอุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ให้แก่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยง เป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยของประเทศและประชาชนในระยะยาว
ในยุคที่ภัยคุกคามมีความหลากหลายและซับซ้อน การผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับกำลังพลถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และโดรนทั้ง 10 ชุดนี้จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้กองทัพภาคที่ 2 สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์
















