สุดอนาถ! ทหารเขมรใช้บ่อน้ำเดียวดื่ม-ล้าง สะท้อนรัฐเมินความเป็นอยู่
เปิดภาพสะท้อนชีวิตทหารกัมพูชาแนวหน้า – จากแอ่งน้ำซับกลางลานหิน ถึงเสียงวิจารณ์ในโลกออนไลน์
สถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชากลับมาร้อนแรงอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เพียงเพราะการเผชิญหน้าทางทหารและข่าวการปะทะเป็นระยะ ๆ แต่ยังรวมถึงภาพและคลิปที่ถูกเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเผยให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของทหารกัมพูชาที่ปฏิบัติหน้าที่ในแนวหน้า
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ภายในคลิปปรากฏภาพทหารกัมพูชาจำนวน 3 นาย กำลังใช้ขันสแตนเลสและขวดน้ำพลาสติกตักน้ำจากแอ่งน้ำซับบนลานหิน เพื่อดื่มดับกระหายท่ามกลางแดดร้อนของพื้นที่ปฏิบัติการ ข้อความประกอบคลิปของผู้ดูแลเพจระบุในเชิงประชดว่า
“ทหารเขมรในแนวหน้า พร้อมด้วยขันหู–อิน–วัน ใช้ตักน้ำกินก็ได้ ใช้ตักน้ำล้างของเสียก็ได้”
ภาพดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรวดเร็ว โดยชาวเน็ตฝั่งไทยจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น ทั้งในเชิงตำหนิ เสียดสี และบางส่วนก็แสดงความเห็นใจต่อสภาพความเป็นอยู่ของทหารเหล่านี้
เสียงสะท้อนจากชาวเน็ต: ระหว่างความสงสารและความหมั่นไส้
ในคอมเมนต์ที่ตามมา มีทั้งมุมมองเชิงเห็นใจ เช่น
“ถ้าตัดความเป็นคู่สงครามออกไป ก็ดูน่าสงสารนะคะ ผู้นำเขาดูแลแนวหน้าไม่ดีเลย ทั้งตอนอยู่และตอนตาย”
“อีกมุมนึงก็น่าสงสารเค้าเนอะ แต่ก็หมั่นไส้มากกว่าที่มีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับไทย”
และมุมมองที่เน้นถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพ เช่น
“แม้น้ำจะดูใส แต่ไม่ใช่น้ำสะอาด เพราะแอ่งน้ำนิ่งแบบนี้เต็มไปด้วยแบคทีเรียและปรสิต”
“หลุมน้ำแบบนี้ ผมเอาไว้ล้างเท้าเวลาขึ้นจากน้ำตก”
บางคอมเมนต์ถึงกับแซะว่า น้ำจากแอ่งนี้ถูกใช้ทั้งดื่มและชำระล้างสิ่งปฏิกูล ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกสุขลักษณะอย่างยิ่ง
แอ่งน้ำซับ: ความจำเป็นหรือความมักง่าย?
แอ่งน้ำซับที่ปรากฏในคลิปนั้น ดูเผิน ๆ อาจเหมือนแหล่งน้ำใสสะอาดกลางธรรมชาติ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเตือนว่า แหล่งน้ำนิ่งโดยเฉพาะที่อยู่บนลานหิน มักเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและปรสิตที่สามารถก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น อหิวาตกโรค บิด และโรคพยาธิ รวมถึงโรคผิวหนัง
การที่ทหารกัมพูชาเลือกใช้น้ำจากแอ่งนี้ อาจสะท้อนถึงความขาดแคลนในระบบจัดสรรน้ำสะอาดบริเวณแนวชายแดน ซึ่งในทางยุทธศาสตร์แล้ว น้ำดื่มที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญต่อขวัญกำลังใจและสุขภาพของกำลังพล
จากแนวหน้าถึงสภา: ความเหลื่อมล้ำที่เห็นชัด
สิ่งที่ทำให้กระแสวิพากษ์ร้อนแรงยิ่งขึ้น คือการเปรียบเทียบระหว่างสภาพความเป็นอยู่ของทหารแนวหน้า กับภาพลักษณ์ของผู้นำกัมพูชาที่เผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย
ในช่วงเช้าวันเดียวกันกับที่คลิปทหารตักน้ำถูกเผยแพร่ บัญชีเฟซบุ๊กของ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีและปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการดื่มกาแฟสตาร์บัคส์ โดยระบุว่า
“ผมเปลี่ยนจาก Starbucks (0%) แทนที่จะเป็น 100%, 70%, 50%, 30% ตามคำแนะนำของแพทย์ ดื่มวันละ 2 แก้ว — ตอนเช้า 1 แก้ว ตอนเย็น 1 แก้ว แบบไม่ใส่น้ำตาล”
แม้โพสต์จะมีเจตนาเล่าถึงการดูแลสุขภาพของตน แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพทหารแนวหน้าที่ต้องใช้น้ำจากแหล่งธรรมชาติที่ไม่สะอาดเพื่อประทังชีวิต ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่า ผู้นำและผู้มีอำนาจดูแลตนเองอย่างดี แต่กลับละเลยความเป็นอยู่ของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัย
ความจริงที่ซ่อนอยู่หลังภาพ
ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงบางรายมองว่า ภาพทหารตักน้ำดื่มจากแอ่งอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารในสงครามข้อมูล (Information Warfare) ได้ทั้งสองฝ่าย
1. ในมุมไทย ภาพนี้อาจถูกใช้เพื่อชี้ให้เห็นถึงความขาดแคลนของทหารกัมพูชา และเสียดสีถึงศักยภาพในการจัดการของรัฐบาลเพื่อนบ้าน
2. ในมุมกัมพูชา อาจถูกใช้เพื่อสร้างภาพลักษณ์ความเสียสละและความลำบากของกำลังพล เพื่อปลุกกระแสชาตินิยมในประเทศ
แต่ไม่ว่าจะมองจากมุมใด ภาพนี้ก็เป็นหลักฐานหนึ่งที่สะท้อนปัญหาพื้นฐานด้านสวัสดิการของทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน
น้ำสะอาดในสนามรบ: สิ่งเล็กน้อยที่สำคัญยิ่ง
จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ทางทหาร น้ำสะอาดถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ในการปฏิบัติภารกิจ เพราะภาวะขาดน้ำหรือดื่มน้ำปนเปื้อนสามารถทำให้กำลังพลเจ็บป่วยและสูญเสียศักยภาพได้ภายในไม่กี่วัน
ในหลายกองทัพทั่วโลก มีการใช้ระบบกรองน้ำพกพา หรือการตั้งถังเก็บน้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อในพื้นที่ปฏิบัติการ แต่จากคลิปดังกล่าว ดูเหมือนว่าทหารกัมพูชาที่แนวหน้าจะต้องพึ่งพาแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการบำบัด ซึ่งเป็นความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพในระยะยาว
ภาพลักษณ์ที่กระทบขวัญกำลังใจ
ความแตกต่างระหว่างชีวิตประจำวันของผู้นำในเมือง กับความลำบากของทหารในสนาม อาจเป็นประเด็นที่กระทบขวัญกำลังใจของกำลังพลเอง ไม่ใช่แค่คู่สงครามหรือสาธารณชนภายนอก
สำหรับทหารกัมพูชา ภาพลักษณ์ของการเป็น "ผู้เสียสละเพื่อชาติ" อาจถูกบั่นทอน หากพวกเขาเองรู้สึกว่ารัฐบาลไม่ได้จัดสรรทรัพยากรพื้นฐานให้เพียงพอ ในขณะที่ผู้นำใช้ชีวิตหรูหราและสบายกว่ามาก
โลกออนไลน์: พื้นที่วิพากษ์ที่ไร้พรมแดน
กรณีนี้แสดงให้เห็นว่า สื่อสังคมออนไลน์ได้กลายเป็นเวทีที่ทั้งสองประเทศใช้เพื่อตอบโต้กัน ทั้งในรูปแบบข้อมูลจริงและการเสียดสีล้อเลียน
เพจ Army Military Force ของฝั่งไทยมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ภาพและข้อมูลที่ชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของฝ่ายกัมพูชา ขณะที่สื่อของกัมพูชาก็พยายามสร้างภาพลักษณ์ความชอบธรรมของตนในสายตาประชาชนและสังคมโลก
บทสรุป
ภาพทหารกัมพูชาตักน้ำจากแอ่งน้ำซับกลางลานหิน อาจดูเป็นเพียงภาพเล็ก ๆ ในกระแสข่าวความขัดแย้งชายแดน แต่เมื่อถูกเผยแพร่และตีความผ่านโลกออนไลน์ ภาพนี้กลับสะท้อนประเด็นใหญ่หลายประการ — ตั้งแต่ความขาดแคลนทรัพยากร ความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้นำกับผู้ปฏิบัติงานจริง ไปจนถึงบทบาทของสื่อออนไลน์ในสงครามข้อมูลยุคใหม่
สิ่งที่น่าสนใจคือ เสียงสะท้อนของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการตำหนิ เสียดสี หรือเห็นใจ ล้วนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างภาพและความหมายให้กับเหตุการณ์ครั้งนี้ และเป็นเครื่องเตือนใจว่า ในสงครามทุกครั้ง ชีวิตของทหารตัวเล็ก ๆ ที่แนวหน้า มักเป็นภาพที่สะท้อนความจริงได้ชัดที่สุด แม้จะเป็นเพียงภาพของการตักน้ำจากแอ่งหินก็ตาม
อ้างอิงจาก: เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force






















