เดือด! วัยรุ่นเขมรใช้รองเท้าตบธงไทย คนไทยรุมจวกสนั่น
คลิปนักเรียนกัมพูชาเหยียบธงชาติไทย จุดกระแสวิพากษ์ออนไลน์ – เสียงสะท้อนถึงมารยาทและความสัมพันธ์สองชาติ
วันที่ 8 สิงหาคม 2568 – โลกออนไลน์ในประเทศไทยปะทุด้วยกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรง หลังเพจเฟซบุ๊ก Army Military Force เผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักเรียนชายชาวกัมพูชาจำนวน 3 คนภายในห้องเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศกัมพูชา
ในคลิปดังกล่าว นักเรียนทั้งสามได้ใช้เท้าเหยียบบอร์ดที่ติดภาพธงชาติของหลายประเทศไว้บนผนัง แต่สิ่งที่สร้างความไม่พอใจให้กับชาวไทยมากที่สุดคือ การที่พวกเขามุ่งเป้ากระทำต่อภาพ ธงชาติไทย โดยใช้รองเท้าแตะตบซ้ำลงบนภาพธงชาติ พร้อมหัวเราะและแสดงท่าทีสนุกสนาน ราวกับเป็นเรื่องตลก
ภาพที่ปรากฏไม่เพียงเป็นการกระทำที่ขัดต่อมารยาทสากลในการให้เกียรติสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศอื่น แต่ยังเป็นการจุดชนวนความรู้สึกอ่อนไหวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ระหว่างไทยและกัมพูชาอีกด้วย
เสียงสะท้อนจากโลกออนไลน์ไทย
หลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ชาวเน็ตไทยจำนวนมากต่างหลั่งไหลเข้าไปคอมเมนต์ในเพจ Army Military Force และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ เพื่อแสดงความไม่พอใจ บางคนวิจารณ์ว่าพฤติกรรมของนักเรียนทั้งสามสะท้อนถึงการขาดการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับการเคารพสัญลักษณ์ของประเทศอื่น ขณะที่บางคนมองว่าคลิปดังกล่าวเป็นผลพวงจากความขัดแย้งทางความคิดและทัศนคติที่ฝังรากลึกระหว่างสองชาติ
หลายคอมเมนต์เรียกร้องให้หน่วยงานทางการของไทยยื่นเรื่องต่อรัฐบาลกัมพูชา เพื่อขอคำชี้แจงและให้ดำเนินการตักเตือนหรือให้ความรู้แก่นักเรียนและโรงเรียนที่เกี่ยวข้อง โดยบางส่วนชี้ว่า หากปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีการแก้ไข ก็อาจสร้างบรรยากาศตึงเครียดมากขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ทำไมการเหยียบธงชาติจึงเป็นเรื่องใหญ่?
ธงชาติถือเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของความเป็นชาติ แทนความภาคภูมิใจของประชาชนและอธิปไตยของประเทศ การเหยียบหรือทำลายธงชาติของประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่เพียงถูกมองว่าเป็นการดูหมิ่น แต่ยังถือเป็นการท้าทายต่อศักดิ์ศรีและความรู้สึกของประชาชนทั้งประเทศนั้น ๆ
ในประเทศไทย การกระทำต่อธงชาติอย่างไม่เหมาะสมมีบทลงโทษทางกฎหมายชัดเจน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาธง พ.ศ. 2522 ซึ่งระบุว่าผู้ใดทำลาย ทำให้ชำรุด หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อธงชาติ อาจต้องโทษจำคุกและปรับ แม้ในกรณีนี้จะเกิดขึ้นในต่างประเทศ แต่ความรู้สึกของคนไทยที่เห็นภาพดังกล่าวก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะเกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรง
มุมมองด้านการศึกษาและการอบรมเยาวชน
หลายความเห็นในสังคมออนไลน์ตั้งคำถามไปยังระบบการศึกษาและการอบรมเยาวชนในกัมพูชา ว่าเหตุใดจึงปล่อยให้เด็ก ๆ แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมเช่นนี้ได้ภายในโรงเรียน ซึ่งควรเป็นสถานที่ที่ปลูกฝังความรู้และมารยาททางสังคม
นักวิชาการด้านการศึกษาให้ความเห็นว่า ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นผลมาจากการขาดการสอนเรื่อง การเคารพในความหลากหลายทางวัฒนธรรม และ มารยาทสากล ในหลักสูตรการเรียนการสอนทั่วโลก การให้ความรู้เรื่องการให้เกียรติสัญลักษณ์ประจำชาติของผู้อื่น ควรถูกบรรจุไว้ในกระบวนการเรียนรู้ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา เพื่อสร้างความเข้าใจและลดโอกาสเกิดเหตุการณ์ที่กระทบความรู้สึกเช่นนี้
ประเด็นทางสังคมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ประเทศไทยและกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ความขัดแย้งบางช่วงในอดีต เช่น ข้อพิพาทเรื่องปราสาทพระวิหาร หรือเหตุปะทะชายแดน ล้วนสร้างความอ่อนไหวในจิตใจของประชาชนทั้งสองฝั่ง
แม้รัฐบาลทั้งสองประเทศจะพยายามสร้างความร่วมมือและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม แต่เหตุการณ์เล็ก ๆ อย่างการเหยียบธงชาติ อาจกลายเป็นเชื้อไฟที่ทำให้กระแสความรู้สึกด้านลบปะทุขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลและภาพเหตุการณ์สามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย
บทเรียนจากเหตุการณ์ในอดีต
เหตุการณ์คล้ายกันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในหลายประเทศทั่วโลก เช่น กรณีนักกีฬาบางชาติที่ไม่ยืนเคารพธงชาติของประเทศเจ้าภาพ หรือกรณีผู้ชุมนุมที่เผาธงชาติประเทศคู่ขัดแย้ง เหตุการณ์เหล่านี้มักนำไปสู่กระแสต่อต้านทางสังคมอย่างรุนแรง และบางครั้งก็ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ในบริบทไทย–กัมพูชา การกระทำของนักเรียนทั้งสาม แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กในสายตาบางคน แต่ก็อาจกลายเป็นสัญลักษณ์ของความไม่เคารพซึ่งกันและกันได้ หากไม่มีการจัดการอย่างเหมาะสม
แนวทางแก้ไขและการป้องกันในอนาคต
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก ทั้งสองประเทศควรพิจารณาร่วมกันในการจัดโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการศึกษา เช่น
1. โครงการแลกเปลี่ยนนักเรียน – เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้วิถีชีวิตและค่านิยมของกันและกัน
2. การบรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับมารยาทสากล – ในหลักสูตรการศึกษา เพื่อให้เด็กและเยาวชนเข้าใจถึงความสำคัญของการให้เกียรติสัญลักษณ์ของชาติอื่น
3. การอบรมครูและบุคลากรทางการศึกษา – ให้สามารถสอดแทรกบทเรียนเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม
4. การสร้างแคมเปญออนไลน์ – ส่งเสริมการเคารพในความหลากหลาย และป้องกันการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อกระทำหรือเผยแพร่สิ่งที่ไม่เหมาะสม
บทสรุป
เหตุการณ์คลิปนักเรียนกัมพูชาเหยียบธงชาติไทย แม้จะเป็นการกระทำของเยาวชนเพียงไม่กี่คน แต่ได้จุดกระแสความไม่พอใจในวงกว้าง สะท้อนให้เห็นว่าการกระทำใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ประจำชาติ มีน้ำหนักทางความรู้สึกและความหมายทางสังคมสูงมาก
นี่เป็นโอกาสสำคัญสำหรับทั้งสองประเทศที่จะใช้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนในการส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกัน แทนที่จะปล่อยให้กลายเป็นจุดแตกหักในความสัมพันธ์ การสื่อสาร การให้ความรู้ และการสร้างบรรยากาศของการเคารพซึ่งกันและกัน จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดซ้ำอีกในอนาคต






















