ภาพล่าสุดจากชายแดน! ส่องชุด-สีหน้า "ทหารกัมพูชา" ที่ปราสาทตาควาย ไม่เป็นอย่างที่คิด

เปิดเบื้องหลังดราม่า “ปราสาทตาควาย” กับข่าวลือทหารกัมพูชา-ทหารไทย และความจริงที่ถูกบิดเบือน

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โลกโซเชียลในประเทศไทยได้เกิดกระแสพูดถึงอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ “ปราสาทตาควาย” บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีข่าวลือหลายกระแสที่ถูกเผยแพร่ออกมาทางสื่อออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นข่าวทหารกัมพูชาขังตัวเองในปราสาท, การฝังระเบิดรอบบริเวณ, การร้องขออาหารจากทหารไทย ไปจนถึงประเด็น "ไข่เจียว" ที่กลายเป็นไวรัลชั่วข้ามคืน

บทความนี้จะพาผู้อ่านไปสำรวจข้อเท็จจริงเบื้องหลังข่าวลือทั้งหมด พร้อมวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดจากการบิดเบือนข้อมูล โดยอ้างอิงจากคลิปล่าสุดที่เผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊ก Army Military Force เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ซึ่งมีการรายงานภาพการใช้ชีวิตของทหารกัมพูชาในบริเวณปราสาทตาควาย พร้อมคำชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นที่กำลังเป็นกระแสในสังคมออนไลน์

ข่าวลือ: ทหารกัมพูชาขังตัวเองในปราสาท หลังฝังระเบิดรอบตัว

หนึ่งในกระแสข่าวที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวไทย คือการกล่าวอ้างว่า "ทหารกัมพูชาได้ฝังกับระเบิดรอบตัวปราสาท แล้วขังตัวเองไว้ภายใน และต้องร้องขอให้ทหารไทยช่วยเหลือพาออกมา" ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงล่าสุด ยัง ไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง แต่อย่างใด

ในคลิปที่เผยแพร่โดยเพจ Army Military Force พบว่าทหารกัมพูชายังคงใช้ชีวิตตามปกติบริเวณพื้นที่ของปราสาทตาควาย ไม่มีสัญญาณของความตื่นตระหนกหรือปัญหาการเคลื่อนไหวภายในฐานที่ตั้ง

ข่าวลือ: ทหารไทยทอดไข่เจียวยั่วทหารกัมพูชา?

ข่าวลืออีกกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างขำขัน คือการที่มีผู้กล่าวว่า "ทหารไทยทอดไข่เจียวบริเวณหน้าฐานทหารตนเอง เพื่อยั่วยุทหารกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่ของปราสาท" จนเกิดกระแสแฮชแท็ก #ไข่เจียวยั่วยุ และมีมีมตลกจำนวนมากในโลกออนไลน์

ข้อเท็จจริงจากคลิปและคำชี้แจงระบุว่า ทหารไทยมีการทอดไข่ที่ฐานของตนเองจริง แต่ คลิปดังกล่าวถูกนำมาตัดต่อและเสริมแต่งข้อความเพื่อสร้างกระแส ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการยั่วยุอีกฝ่าย ซึ่งในความเป็นจริง เหตุการณ์การทอดไข่เป็นเพียงกิจกรรมปกติในการดำเนินชีวิตของทหารในพื้นที่

ข้อเท็จจริง: กัมพูชาฝังทุ่นระเบิดจริง แต่ไม่ได้ปิดล้อมตัวปราสาท

จากรายงานในคลิปเดียวกัน มีการยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชามีการฝังกับระเบิดจริงในบางพื้นที่บริเวณหน้าฐานฝั่งตรงข้ามกับที่ทหารไทยประจำการอยู่ ซึ่งเป็นระยะทางห่างจากตัวปราสาทประมาณ 20-30 เมตร จุดประสงค์หลักของการฝังระเบิดเหล่านี้ก็เพื่อ ป้องกันไม่ให้ฝ่ายไทยเข้ายึดคืนตัวปราสาท ไม่ใช่การปิดล้อมตัวเองหรือสร้างความเสียหายแก่พื้นที่โบราณสถาน

ดังนั้นข่าวลือที่ว่า ทหารกัมพูชาขังตัวเองไว้และไม่สามารถออกมาได้นั้น จึง ไม่เป็นความจริง และอาจเป็นความเข้าใจผิดหรือการปลุกกระแสด้วยข้อมูลเท็จ

ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตจากการเหยียบกับระเบิด

อีกหนึ่งประเด็นที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์คือ กรณีที่มีทหารกัมพูชาเหยียบกับระเบิดจนเสียชีวิตภายในปราสาทตาควาย จากการสอบถามทหารแนวหน้าในพื้นที่ฝั่งไทย ยืนยันว่า ยังไม่มีรายงานการเกิดเหตุลักษณะดังกล่าว และเชื่อว่าข่าวดังกล่าวอาจเป็นข่าวปลอมที่ถูกปั่นกระแสขึ้นมาอีกเช่นกัน

ทำไมคลิปมีชาวบ้านกัมพูชาอยู่ด้วย?

ผู้คนในโลกออนไลน์บางส่วนได้ตั้งข้อสงสัยว่า ในคลิปล่าสุดที่เผยแพร่ มีชาวบ้านกัมพูชาปรากฏอยู่ร่วมกับทหารกัมพูชาในบริเวณปราสาทตาควาย โดยตั้งคำถามว่า “ทำไมมีชาวบ้านในพื้นที่ปะทะ?”

คำตอบคือ ปัจจุบันปราสาทตาควายอยู่ภายใต้การควบคุมของกัมพูชา และทหารเขมรได้ทำทางขึ้นมายังปราสาทให้กับประชาชนของตนเองมานานแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชาวบ้านกัมพูชาจะสามารถเข้ามายังพื้นที่นี้ได้อย่างเสรี ขณะที่ทางฝั่งไทยได้เคยประท้วงการกระทำดังกล่าวมาก่อน แต่ไม่ได้รับการตอบสนองที่ชัดเจน

มุมมองต่อกัมพูชา: เส้นแบ่งที่ความเชื่อและอารมณ์

ในตอนท้ายของคลิป เพจ Army Military Force ได้แสดงความคิดเห็นในเชิงส่วนตัวว่า "เขมรคบได้ตั้งแต่เช้ายันเที่ยง เย็นมาคบไม่ได้" พร้อมระบุว่า กัมพูชามักไม่เคารพข้อตกลง และยอมทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ ไม่ว่าจะเป็นการละเมิดข้อตกลงทางทหารหรือการใช้นโยบายสร้างภาพเชิงรุกในพื้นที่พิพาท

แม้ความคิดเห็นเหล่านี้จะสะท้อนความรู้สึกของบางฝ่ายในสังคมไทย แต่ก็ต้องพิจารณาว่าเป็นเพียงมุมมองหนึ่ง และอาจไม่ได้สะท้อนข้อเท็จจริงทั้งหมดของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

บทเรียนจากการ “ปั่นข่าว”: ไทยอย่าตกเป็นเหยื่อของตัวเอง

กรณีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำคัญของผลกระทบจาก “ข่าวลือและการปั่นกระแสในโลกออนไลน์” ที่อาจสร้างความเข้าใจผิด และบ่อนทำลายความมั่นคงทางสังคมและจิตวิทยามวลชน โดยเฉพาะในประเด็นละเอียดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงชายแดน

ผู้เผยแพร่คลิปยังทิ้งท้ายด้วยข้อคิดว่า “ผมไม่ได้เข้าข้างเขมร แต่ผมไม่อยากให้คนไทยถูกมองว่าเป็น ‘เขมรสอง’ ที่ปั่นข่าวหลอกกันเอง จนกลายเป็นตัวตลกในสายตาประเทศเพื่อนบ้าน”

สรุป: ต้องมีสติทุกครั้งที่เสพข่าว

เหตุการณ์ในพื้นที่ “ปราสาทตาควาย” ถือเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ประวัติศาสตร์ และความมั่นคง ดังนั้นในฐานะประชาชนผู้เสพข่าว เราควรพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ ตรวจสอบที่มาของข่าวก่อนแชร์ และไม่หลงเชื่อกระแสที่อาจถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์บางประการ

ประเทศไทยควรดำเนินบทบาทเชิงรุกในระดับนานาชาติ เพื่อยืนหยัดในสิทธิอธิปไตยตามกฎหมาย และไม่หลงกลการยั่วยุหรือข่าวลวงที่อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการปั่นกระแสเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง