งานวิจัยเผย พ่อวัย 25–29 ปี มีแนวโน้มให้ลูก “ฉลาดที่สุด”
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบติดตามข่าวสารด้านสุขภาพและงานวิจัยเกี่ยวกับครอบครัว พอได้อ่านบทความชิ้นหนึ่งแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจ จึงอยากนำมาแบ่งปันต่อเผื่อจะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่าน โดยเฉพาะท่านที่กำลังวางแผนมีบุตร หรือมีบุตรหลานวัยทำงานที่อยู่ในช่วงตัดสินใจสร้างครอบครัว
จากการศึกษาวิจัยในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งใช้กลุ่มตัวอย่างเด็กกว่า 30,000 คน พบว่า “อายุของพ่อ” มีความเกี่ยวข้องกับ “ระดับสติปัญญา” หรือ IQ ของลูกโดยตรง
ผลการวิเคราะห์พบว่า...
เด็กที่เกิดจากคุณพ่อวัยระหว่าง 25–29 ปี มีค่าเฉลี่ย IQ สูงกว่ากลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญ
ในขณะที่เด็กที่มีพ่ออายุน้อยกว่า 25 ปี หรือมากกว่า 35 ปี กลับมีแนวโน้ม IQ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยราว 2–5 คะแนน
นักวิจัยอธิบายว่า ความเชื่อมโยงนี้มีลักษณะเป็นรูปตัวยู (U-shape) หมายความว่า ทั้งพ่อที่อายุน้อยเกินไป และพ่อที่อายุมากเกินไป ต่างก็อาจส่งผลให้ลูกมีพัฒนาการทางสติปัญญาลดลงเมื่อเทียบกับกลุ่มอายุที่ “เหมาะสมที่สุด” นั่นคือช่วงอายุ 25–29 ปี
แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
แม้ยังไม่มีคำอธิบายที่ตายตัว แต่งานวิจัยหลายชิ้นเสนอแนวคิดไว้ เช่น
พ่อที่อายุมาก อาจมีการกลายพันธุ์ของยีนในสเปิร์มมากขึ้น
หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงระดับยีน (epigenetics) ซึ่งอาจมีผลต่อการพัฒนาสมองของเด็ก
ในขณะเดียวกัน พ่อที่อายุน้อยเกินไป อาจยังไม่พร้อมด้านอารมณ์ เศรษฐกิจ หรือประสบการณ์ในการเลี้ยงดู ซึ่งส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมของลูกในระยะยาว
ที่น่าสนใจคือ ผลกระทบนี้จะชัดเจนในเด็กผู้ชายมากกว่า โดยเฉพาะในด้าน “ทักษะทางภาษา”
อ่านแล้วก็ได้ข้อคิดหลายอย่างนะคะ
แม้อายุของพ่อจะไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กำหนดความฉลาดของลูก เพราะยังมีเรื่องของพันธุกรรม การเลี้ยงดู โภชนาการ และการศึกษาอีกมาก แต่การตระหนักรู้ในเรื่องนี้ ก็ช่วยให้เราวางแผนครอบครัวได้อย่างมีสติและรอบคอบมากขึ้นค่ะ
หากใครมีลูกหลานที่กำลังจะสร้างครอบครัว ลองแนะนำให้อ่านข้อมูลพวกนี้ดูก็ได้นะคะ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเตรียมความพร้อมที่ดีทั้งทางกาย ใจ และวุฒิภาวะ ก่อนจะมีเจ้าตัวน้อยเข้ามาเติมเต็มชีวิต
ขอบพระคุณที่อ่านจนจบนะคะ 😊


