หมอบีแจงชัด! ไม่ได้โกงเงินวัด มีหลักฐานครบ ด้านหลวงพ่ออลงกตสั่งห้ามใช้ชื่อวัดเปิดบัญชีเด็ดขาด

"หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" ออกโรงชี้แจงทุกดราม่า! ยันไม่เคยฉ้อโกงเงินวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมเปิดใจเคลียร์ประเด็นทัวร์ญี่ปุ่น – บริจาคเงินผ่านบัญชี

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ชื่อของ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์และสื่อสังคม ทั้งในแวดวงศาสนา แวดวงลี้ลับ และกลุ่มผู้สนับสนุนการกุศล โดยเฉพาะประเด็นที่ถูกพาดพิงในรายการชื่อดัง และกระแสสงสัยจากผู้มีบทบาทในแวดวงวิชาการ ว่าบุคคลที่ถูกพูดถึงคือ “หมอบี” หรือไม่ จนกลายเป็นประเด็นร้อนในสังคม

 

จุดเริ่มต้นของดราม่า: การพูดถึงในรายการและโซเชียล

ต้นตอของดราม่าครั้งนี้เริ่มต้นเมื่อ “อาจารย์ตฤณห์ โพธิ์รักษา” ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริการวิชาการ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาพูดถึงพฤติกรรมของบางบุคคลในแวดวงจิตวิญญาณและศาสนา โดยไม่เอ่ยชื่อ แต่มีการกล่าวพาดพิงเรื่องเงินบริจาค, ทัวร์ต่างประเทศ, และพฤติกรรมอ้างตนเป็นผู้วิเศษ

กระแสยิ่งร้อนแรงขึ้นเมื่อคนในสังคมเริ่มโยงไปถึง “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” ว่าอาจเป็นบุคคลที่ถูกกล่าวถึง เนื่องจากในอดีตหมอบีเคยมีบทบาทเกี่ยวข้องกับกิจกรรมจิตอาสาและการจัดหาทุนให้กับวัดพระบาทน้ำพุ และมักปรากฏตัวร่วมกับ "หลวงพ่ออลงกต" ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสผู้มีชื่อเสียงในด้านการช่วยเหลือผู้ป่วย HIV

รายการ “ข่าวใส่ไข่” เผยบทสนทนากับหมอบี – โทรมาเคลียร์กลางรายการ

ในระหว่างที่รายการข่าวใส่ไข่กำลังพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นนี้ “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” ซึ่งเป็นหนึ่งในพิธีกรและคนสนิทของหมอบี ได้กล่าวว่า พยายามติดต่อหมอบีมาตลอดตั้งแต่มีข่าว แต่ไม่มีใครรับสายเลย ทั้งตัวหมอบีและคนรอบข้าง

อย่างไรก็ตาม ขณะที่รายการดำเนินอยู่ หมอบีก็ได้โทรเข้ามา และพูดผ่านรายการแบบสั้นๆ โดยกล่าวว่า

 “ตอนนี้ยังอยู่ที่โรงพยาบาล ผ่าตัดนิ้วอยู่ครับ เรื่องที่มีการกล่าวหาว่าผมเกี่ยวข้องกับเงินวัด เรื่องทัวร์ญี่ปุ่น หรือเรื่องที่ถูกพาดพิงว่าเป็นผู้วิเศษนั้น... ในตอนแรกผมไม่คิดจะพูด เพราะมันไม่มีข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับผมเลย และผมก็ไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับผมด้วยซ้ำ แต่ถ้าจะมองว่าเกี่ยว ก็ขอบอกว่า ทุกอย่างมีพยานหลักฐานดำเนินไปตามกฎหมายสูงสุดแล้ว หมายเรียกก็ออกเรียบร้อย ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ผมพร้อมชี้แจงทุกเรื่องหลังออกจากโรงพยาบาล”

 

หมอบีเน้นย้ำว่าเรื่องเงินวัดพระบาทน้ำพุไม่มีปัญหา ไม่มีการฉ้อโกงแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบของทางวัด และตัวเขาไม่ได้มีตำแหน่งหรืออำนาจใดๆ ในวัดเลย

 “ผมเป็นเพียงจิตอาสา ไม่ได้เข้าไปอยู่ในวัด ไม่ได้บริหารเงินวัด ผมแค่ทำงานให้หลวงพ่อในฐานะผู้ช่วยด้านกิจกรรมเท่านั้น”

 

หมอบียันมีหลักฐาน พร้อมแถลงเต็มรูปแบบเมื่อออกจากโรงพยาบาล

หมอบีระบุว่า การที่เขายังไม่ออกมาพูดในช่วงแรกเป็นเพราะอยู่ระหว่างการพักฟื้นจากการผ่าตัด และไม่ต้องการให้เรื่องบานปลาย แต่หากประชาชนหรือใครก็ตามมองว่าเขาเกี่ยวข้อง เขาก็พร้อมจะชี้แจงทุกอย่างแบบเปิดเผย

 “มีหลักฐานครบทุกอย่าง ทั้งเอกสาร พยานบุคคล และข้อมูลทางบัญชี ผมไม่เคยฉ้อโกง ไม่มีการนำเงินวัดไปใช้ในทางที่ผิด ทุกอย่างดำเนินตามกฎหมาย ไม่ว่ากระแสสังคมจะมองยังไง ผมก็ยืนยันความบริสุทธิ์ใจครับ”

หมอบียังฝากถึงผู้ที่กล่าวหาหรือมองเขาในแง่ลบว่า อย่าเพิ่งตัดสินใครจากข่าวลือ เพราะหลายครั้งข่าวที่แชร์ต่อๆ กันมานั้นอาจไม่มีมูลความจริง

"หลวงพ่ออลงกต" สั่งห้ามใช้ชื่อวัดรับบริจาค – ย้ำป้องกันปัญหาภายหลัง

ในขณะเดียวกัน “หลวงพ่ออลงกต” เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านช่อง 8 ว่า มีการออกคำสั่งชัดเจน ห้ามหมอบีใช้ชื่อวัดในการเปิดบัญชีรับบริจาคอย่างเด็ดขาด

หลวงพ่อเปิดเผยว่า เดิมทีหมอบีได้เข้ามาขออนุญาตเปิดบัญชีเพื่อระดมเงินบริจาค แล้วนำมามอบให้วัด ซึ่งในช่วงแรกทางวัดก็อนุญาต เพราะเห็นว่าเป็นการทำความดีเพื่อสังคม

แต่เมื่อมีประชาชนและผู้ศรัทธาบางส่วนร้องเรียน และเกิดข้อสงสัยหลายประการเกี่ยวกับบัญชีบริจาค หลวงพ่อจึงมีคำสั่งชัดเจนว่า

 “ห้ามหมอบีใช้ชื่อวัด, ชื่อหลวงพ่อ, หรือชื่อมูลนิธิในการดำเนินการเปิดบัญชีรับเงินใดๆ อย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันความสับสน และรักษาชื่อเสียงของวัด”

 

หลวงพ่อยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องเงินที่วัดได้รับนั้น จะถูกดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนของมูลนิธิ และมีระบบบริหารอย่างโปร่งใสเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกบาททุกสตางค์จะถูกใช้ในการช่วยเหลือผู้ป่วยและคนยากไร้จริงๆ

 

เจาะลึกประเด็น "ทัวร์ญี่ปุ่น" – มีหมายเรียกแล้ว ดำเนินคดีตามขั้นตอน

หนึ่งในประเด็นที่ทำให้สังคมหันมาจับตามองหมอบี คือเรื่อง “ทัวร์ญี่ปุ่น” ที่มีรายงานว่าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมหรือการเงินบางอย่าง ซึ่งหมอบีได้กล่าวสั้นๆ ว่า

 “เรื่องทัวร์ญี่ปุ่นนั้น ดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้ว มีหมายออกแล้ว ทุกอย่างมีพยานหลักฐานครบหมด ไม่มีการหลบหนีใดๆ ทั้งสิ้น ผมพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย”

ถึงแม้หมอบีจะไม่ได้ลงรายละเอียดมากในรายการ แต่ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเขาพร้อมเผชิญกระบวนการยุติธรรม และไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆ หากตนเกี่ยวข้องจริง

หมอบีฝากถึงสังคม: "ขอให้รอฟังคำชี้แจงแบบเต็มรูปแบบ"

หมอบีย้ำปิดท้ายว่า เขาไม่เคยมีเจตนาจะใช้ชื่อวัดในทางที่ผิด และไม่เคยเห็นแก่ตัวหรือหาผลประโยชน์จากศรัทธาของประชาชน โดยหลังจากออกจากโรงพยาบาล เขาจะจัดแถลงข่าวหรือออกมาพูดอย่างเป็นทางการ เพื่อไขข้อข้องใจทุกประเด็น

 “ผมไม่ไปไหนแน่นอนครับ ผมยังอยู่ตรงนี้ พร้อมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง เพราะผมไม่เคยทำผิด ผมเชื่อว่าความจริงจะคุ้มครองคนบริสุทธิ์ครับ”

 

บทสรุป

กรณีของ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ในยุคที่ข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในโลกออนไลน์ การตัดสินใจของสังคมต่อบุคคลหนึ่งๆ อาจเกิดจากการรับรู้เพียงด้านเดียว ซึ่งอาจไม่ครบถ้วน และอาจนำไปสู่ความเสียหายทางชื่อเสียงและความรู้สึก

สิ่งที่สังคมควรทำคือ รอฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายอย่างรอบด้าน และให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงอย่างยุติธรรม ในขณะที่ผู้มีบทบาทในสังคมก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ และไม่สร้างความตื่นตระหนกเกินจริง