โซเชียลจับตา! โดรนลึกลับบินเหนือค่ายทหารปราจีนฯ ยกฝูง ไม่มีใครรู้ใครส่ง

ปราจีนบุรี-สุรินทร์ตึงเครียด! โดรนลึกลับบินเหนือเขตความมั่นคง – ตรวจพบหลุมระเบิดกว่า 100 จุดชายแดนกาบเชิง

สถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่ภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เริ่มมีสัญญาณที่น่าจับตามองอย่างจริงจัง หลังมีรายงานการ ตรวจพบโดรนบินในพื้นที่เขตหวงห้ามทางทหารถึง 12 ลำ ในจังหวัดปราจีนบุรี ขณะเดียวกันในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ก็ได้มีการ ตรวจพบหลุมระเบิดกว่า 100 จุด ที่คาดว่าเกิดจากการยิงปืนใหญ่และจรวดข้ามพรมแดนในช่วงที่ผ่านมา

 

เหตุการณ์ทั้งสองนี้กำลังกลายเป็น ประเด็นร้อนในแวดวงความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เนื่องจากอาจบ่งชี้ถึงความพยายามในการตรวจการณ์ ลอบสอดแนม หรือแม้กระทั่งเตรียมความพร้อมทางทหารจากฝ่ายที่ยังไม่ระบุแน่ชัด

 

โดรนปริศนาบินเหนือมหาวิทยาลัย มุ่งสู่พื้นที่ทหาร 3 หน่วย

วันที่ 4 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 20.40 น. เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงในจังหวัดปราจีนบุรีตรวจพบการบินของ อากาศยานไร้นักบิน หรือ "โดรน" จำนวนมากถึง 12 ลำ โดยแบ่งเป็น 4 ลำแรกที่บินผ่าน พื้นที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี และมุ่งหน้าสู่พื้นที่ทางทหารที่มีความสำคัญยิ่ง ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานด้านความมั่นคงถึง 3 แห่งในพื้นที่

 

ต่อมาในช่วงเวลาประมาณ 20.40 น. ของวันเดียวกัน มีการตรวจพบโดรนอีก 8 ลำ บินตามทิศทางเดียวกันจากทางตะวันออก โดยหนึ่งในนั้นบินต่ำในระดับที่ประชาชนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน โดรนลำดังกล่าวมีลักษณะขนาดใหญ่ ความกว้างประมาณ 1.5 เมตร และติดตั้ง ใบพัด 4 ใบ โดยประชาชนได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน

 

เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเข้าระงับเหตุ - ยังไม่สามารถติดตามต้นตอผู้ควบคุม

เมื่อทราบเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ได้แก่

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)

กองทัพ

เจ้าหน้าที่ตำรวจ

ฝ่ายปกครอง

สำนักงาน กสทช.

ได้ร่วมกันออกติดตามเส้นทางการบินของโดรนลึกลับเหล่านี้อย่างเร่งด่วน เพื่อหาต้นทางของผู้ควบคุมและวัตถุประสงค์ของการบิน แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถติดตามหาผู้ควบคุมโดรนได้ ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลถึง ภัยคุกคามด้านความมั่นคงระดับประเทศ

ประกาศห้ามบินโดรนเด็ดขาดทั่วทั้งจังหวัดปราจีนบุรี

ภายหลังเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ได้ประสานขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดออกคำสั่งห้ามบินโดรนในพื้นที่โดยเด็ดขาด โดย ประกาศห้ามการปล่อยหรือบังคับการบินของอากาศยานไร้นักบินทุกประเภท ทุกวัตถุประสงค์ ทุกพื้นที่ ในจังหวัดปราจีนบุรี ตามมาตรการด้านความมั่นคง

โทษของผู้ฝ่าฝืน:

จำคุก ไม่เกิน 1 ปี

ปรับ ไม่เกิน 40,000 บาท

หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ตาม พระราชบัญญัติอากาศยาน พ.ศ. 2497

 

โดรน: ภัยเงียบแห่งยุคเทคโนโลยี ที่อาจกลายเป็นอาวุธสงคราม

การใช้โดรนในเขตทหารหรือพื้นที่สำคัญของประเทศถือเป็นภัยที่ไม่อาจมองข้าม โดรนสามารถใช้เพื่อลาดตระเวน สอดแนม เก็บภาพถ่ายเป้าหมาย หรือแม้กระทั่งเป็น พาหะบรรทุกอาวุธระเบิด

ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงเตือนว่า:

 “การปล่อยโดรนเข้าไปในพื้นที่ทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นการสอดแนม ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งข้ามแดน หรือแม้แต่การก่อการร้ายทางไซเบอร์ที่พุ่งเป้าไปยังระบบยุทธศาสตร์ของประเทศ”

ชายแดนสุรินทร์เดือด! พบหลุมระเบิดมากกว่า 100 จุดใน อ.กาบเชิง

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมเช่นกัน เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) จากกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้ลงพื้นที่อำเภอกาบเชิง หลังได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ว่ามีการพบหลุมระเบิดหลายจุด ซึ่งอาจมีวัตถุระเบิดยังคงหลงเหลืออยู่

นำโดย พ.ต.อ. ต่อศักดิ์ ศรีเสริม รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบ 9 จุดเป้าหมาย พบว่า:

 

มี หลุมระเบิดจากจรวด BM-21 จำนวน 10 หลุม

และหลุมระเบิดที่ไม่ทราบขนาดอีก 2 หลุม

กระจายตัวอยู่ในพื้นที่ต่าง อย่างชัดเจน

รายงานยังระบุว่า:

“ในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ มีจุดที่คาดว่าได้รับผลกระทบจากกระสุนปืนหรือจรวดมากกว่า 100 จุด ที่ยังไม่ได้เข้าไปตรวจสอบ”

 

ต้นทางของระเบิด: ข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน?

แม้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ยืนยันชัดเจนว่า กระสุนและจรวดที่ตกลงมาในพื้นที่ไทยมีที่มาจากใด แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า จรวด BM-21 ซึ่งเป็นระบบจรวดหลายลำกล้องแบบเคลื่อนที่ (MLRS) นั้นเป็นอาวุธที่มีใช้อยู่ในกองทัพของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความตึงเครียดใกล้ชายแดน

หากเกิดจากการยิงข้ามแดนจริง ก็จะถือเป็นการ ละเมิดอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน และอาจต้องมีการยกระดับการเจรจาทางการทูต หรือแม้แต่การฟ้องร้องในเวทีระหว่างประเทศ

ปฏิบัติการสร้างความมั่นใจให้ประชาชนชายแดน

เจ้าหน้าที่ได้ประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ชายแดนให้:

หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่อาจมีวัตถุระเบิดตกค้าง

ห้ามเข้าใกล้หรือแตะต้องวัตถุต้องสงสัย

หากพบให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยทันที

พร้อมกันนี้ ชุด EOD จะทำการประเมินสถานการณ์เพิ่มเติม และวางแผนในการเข้าดำเนินการเก็บกู้หรือทำลายวัตถุระเบิดที่ยังคงตกค้างอยู่ในพื้นที่ เพื่อป้องกันการสูญเสียของชีวิตและทรัพย์สิน

 

บทวิเคราะห์: ไทยกำลังเผชิญสถานการณ์ “สงครามเงียบ”?

เหตุการณ์การพบโดรนในพื้นที่ทหาร และหลุมระเบิดในเขตชายแดนในวันเดียวกัน อาจเป็นสัญญาณของสิ่งที่นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงเรียกว่า “สงครามเงียบ” (Silent Warfare) ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธยิงต่อหน้ากัน แต่ใช้เทคโนโลยี อุปกรณ์อัตโนมัติ และการยั่วยุทางจิตวิทยาแทน

 

ความกังวลที่เกิดขึ้น:

มีความพยายามจากต่างชาติในการสอดแนม?

หรือเป็นการทดสอบระบบป้องกันของไทย?

มีผู้ไม่หวังดีในประเทศเป็นผู้ควบคุมหรือไม่?

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่เจ้าหน้าที่ไทยต้องเร่งหาคำตอบ และในขณะเดียวกัน ประชาชนควรเพิ่มความระมัดระวังและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

 

สรุป: เหตุการณ์เชื่อมโยงกัน หรือเป็นความบังเอิญ?

แม้ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าเหตุการณ์โดรนลึกลับในปราจีนบุรี กับการพบหลุมระเบิดในสุรินทร์มีความเชื่อมโยงกัน แต่ทั้งสองเหตุการณ์ สะท้อนถึงสัญญาณเตือน ที่ไทยไม่อาจมองข้ามในการเฝ้าระวังภัยความมั่นคง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ภูมิภาคอาเซียนเริ่มมีความตึงเครียดทางการเมือง และความขัดแย้งชายแดนในหลายจุด