“เขมรตีกันเอง? อินฟลูฯ โพสต์พังภาพรัฐ กัมพูชาโต้ทันควัน ‘ข่าวปลอม!’”
เดือดในเขมร! อินฟลูเอนเซอร์โพสต์ขอเสบียงช่วยแนวหน้า รัฐบาลกัมพูชาสวนทันควัน - ปมลึกสะเทือนอำนาจ "ฮุนมาเนต"
สถานการณ์ภายในประเทศกัมพูชากำลังร้อนระอุ ไม่แพ้ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังตึงเครียด หลังมีการเปิดเผยผ่านเพจดังของไทยว่าเกิดความขัดแย้งภายในประเทศเพื่อนบ้านอย่างรุนแรง จนลุกลามเป็นประเด็นสั่นสะเทือนวงการเมืองและความมั่นคงของรัฐบาลฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นบุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลอย่าง สมเด็จฮุน เซน
จุดเริ่มต้นของความเดือด: อินฟลูฯ เขมรโพสต์ “ทหารแนวหน้าขาดน้ำ-อาหาร”
เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจากโพสต์ของอินฟลูเอนเซอร์ชาวกัมพูชา ที่มีชื่อเสียงในฐานะนักเคลื่อนไหวสายตรงข้ามรัฐบาล โดยมีความเกี่ยวข้องกับ นายสม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านที่ลี้ภัยอยู่นอกประเทศมาหลายปี อินฟลูฯ รายนี้ได้เผยแพร่ข้อความเชิญชวนให้ประชาชนกัมพูชาช่วยกันส่งน้ำดื่มและอาหารไปให้แก่ทหารที่กำลังประจำการแนวหน้าตามชายแดนติดประเทศไทย โดยระบุว่าทหารหลายคนขาดแคลนเสบียงขั้นวิกฤต
โพสต์ดังกล่าวไม่ได้หยุดเพียงแค่คำร้องขอ แต่ยังแนบภาพของทหารกัมพูชาที่ได้รับบาดเจ็บบางราย รวมถึงเปิดเผยชื่อ-นามสกุลของทหารที่บาดเจ็บหนักจากเหตุการณ์ปะทะที่แนวชายแดนก่อนหน้านี้ บางรายถึงขั้นขาหัก ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่จังหวัดเสียมราฐ
นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่ภาพถ่ายพระสงฆ์ในชุดทหาร ภาพใบหน้าทหารที่มีแผลพุพอง และข้อความรำลึกถึง “ทหารกล้า” ที่เสียชีวิต ซึ่งในบางกรณีก็มีเพียงการเขียนข้อความไว้อาลัยแบบสั้น ๆ โดยไม่มีภาพ
รัฐบาลกัมพูชาโต้ทันที: “ข่าวปลอม!”
ทันทีที่โพสต์ของอินฟลูเอนเซอร์ดังกล่าวเริ่มได้รับความสนใจและแชร์ออกไปอย่างรวดเร็ว เพจรัฐบาลของกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์โต้กลับในทันที โดยระบุว่าข้อมูลที่เผยแพร่เป็น "ข่าวปลอม" (Fake News) และขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อหรือแชร์โพสต์ดังกล่าว พร้อมเน้นย้ำว่าทหารกัมพูชาที่แนวหน้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากรัฐบาล
แถลงการณ์ยังระบุเพิ่มเติมว่า อินฟลูฯ รายนี้มีความเกี่ยวข้องกับ “กลุ่มต่อต้านรัฐบาล” ที่พยายามจะบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อปลุกระดมและสร้างความแตกแยกในสังคมกัมพูชา
อินฟลูเอนเซอร์สู้กลับ: “นี่ไม่ใช่ปี 1994 ที่จะปิดหูปิดตาได้อีก”
อย่างไรก็ตาม อินฟลูเอนเซอร์รายดังกล่าวไม่ยอมถอย และได้โพสต์โต้กลับทันที โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลกำลังพยายามปิดกั้นเสรีภาพของประชาชนอีกครั้ง เหมือนในยุคก่อนปี 2000 พร้อมระบุว่า “ประชาชนกัมพูชาในยุคนี้มีอินเทอร์เน็ต มีสมาร์ทโฟน และรู้จักตั้งคำถาม ไม่ใช่ปี 1994 ที่จะเชื่อทุกอย่างที่รัฐบาลบอก”
ประโยคดังกล่าวกลายเป็นไวรัลในสื่อโซเชียลของชาวกัมพูชา สะท้อนความไม่พอใจที่ประชาชนบางส่วนมีต่อการบริหารงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่กำลังเผชิญกับแรงเสียดทานภายในไม่ใช่น้อย
ลางสังหรณ์ของวิกฤต: ข้อจำกัดใหม่ “ห้ามโพสต์งานศพ”
สถานการณ์กลับยิ่งน่ากังวลมากขึ้น เมื่อมีแหล่งข่าวจากภายในประเทศกัมพูชาเปิดเผยว่า ทางการได้ออก คำสั่งไม่เป็นทางการ ไปยังครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดน ให้งดโพสต์ภาพงานศพหรือข้อความแสดงความสูญเสียบนโซเชียลมีเดีย โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อความสงบของสังคม
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเดียวกันยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า มีการให้ข้อเสนอว่า หากครอบครัวใดปฏิบัติตามคำขอของรัฐ รัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือในเรื่องของค่าทำศพและการเยียวยา แต่หากฝ่าฝืนโพสต์ภาพหรือข้อมูลใด ๆ ออกสื่อออนไลน์ จะไม่ได้รับความช่วยเหลือแม้แต่บาทเดียว
คำสั่งนี้สร้างความแตกตื่นและความไม่พอใจในหมู่ประชาชนและญาติทหาร ซึ่งมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและปิดกั้นการแสดงออกของประชาชนอย่างชัดเจน
ล็อกสัญญาณไทย! สื่อ Khmer Times บล็อกการเข้าถึงจากประเทศไทย
เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลจากประเทศไทยรั่วไหลเข้าสู่ภายในประเทศกัมพูชา สื่อ Khmer Times ซึ่งเป็นหนึ่งในสื่อกระแสหลักของรัฐบาล ได้บล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์จากประเทศไทยเรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงความตึงเครียดและความระแวงที่กำลังปะทุขึ้นทั้งในและนอกประเทศ
วิกฤตศรัทธาภายใต้เงา "ฮุน เซน"
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาอันสำคัญ นั่นคือการฉลองอายุครบ 73 ปีของ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีที่ครองอำนาจในประเทศกัมพูชามากว่า 30 ปี ก่อนส่งต่ออำนาจอย่างเป็นทางการให้กับลูกชายของตน พลเอกฮุน มาเนต
แม้ในทางทฤษฎี ฮุน มาเนต จะเป็นผู้นำประเทศ แต่ในทางปฏิบัติ หลายฝ่ายเชื่อว่าสมเด็จฮุน เซน ยังคงมีบทบาทอย่างสูงในการกำหนดทิศทางของรัฐบาลกัมพูชา ทำให้ความพยายามในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริงยังเป็นไปอย่างเชื่องช้า และถูกตั้งคำถามจากสังคมระหว่างประเทศ
บทวิเคราะห์: เสียงสะท้อนจากชายแดน ถึงการเมืองส่วนกลาง
เหตุการณ์ทั้งหมดไม่สามารถมองเป็นแค่ “ข่าวลือ” หรือ “ดราม่าออนไลน์” ได้อีกต่อไป เพราะมันสะท้อนภาพรวมของสังคมกัมพูชาที่กำลังเผชิญกับภาวะความไม่ไว้วางใจอย่างรุนแรง ทั้งในระดับแนวหน้าและส่วนกลาง
อินฟลูเอนเซอร์ผู้เปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ อาจเป็นเพียงเสียงเล็ก ๆ ที่แหวกกระแส แต่ก็เป็นกระจกสะท้อนถึงความไม่พอใจของกลุ่มประชาชนที่ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า “ประเทศของพวกเขาอยู่ในความสงบสุข”
การที่รัฐบาลต้องรีบออกมาตอบโต้ ยิ่งแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันที่มีอยู่จริง ไม่ใช่เพียงจากภายนอก แต่จากภายในประเทศกัมพูชาเอง
สรุป: ความตึงเครียดที่เกินกว่าแค่ “ดราม่า”
สถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่เริ่มร้อนแรงจากแนวชายแดน กำลังลุกลามเข้าสู่ “ไฟปะทุในบ้าน” ของรัฐบาลฮุนมาเนต ที่อาจต้องรับมือทั้งแรงเสียดทานจากนานาชาติ และแรงสะท้อนจากภายในประเทศเอง
อินฟลูเอนเซอร์รายหนึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของกระแส แต่สิ่งที่เขาสะท้อนออกมานั้น คือความรู้สึกของประชาชนบางส่วนที่ไม่อยากเงียบงันอีกต่อไป
คำถามที่รัฐบาลกัมพูชาต้องตอบให้ได้ไม่ใช่แค่ “ข่าวนั้นจริงหรือปลอม” แต่คือ...
จะทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า ประเทศของเขายังมีที่ว่างสำหรับความจริง?







