รัฐบาลไทยร้อง! จับตา “ฮุนเซน” ใช้อำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ สั่งการกองทัพเขมร
รัฐบาลไทยแสดงจุดยืนต่อบทบาท "ฮุน เซน" หลังพบใช้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญ เสี่ยงกระทบเสถียรภาพอาเซียน – ส่อเข้าข่ายอาชญากรสงคราม
วันที่ 3 สิงหาคม 2568 – เวลา 15.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และในฐานะคณะกรรมการ ศบ.ทก. (ศูนย์บริหารนโยบายด้านความมั่นคงภูมิภาค) ได้เปิดแถลงข่าวถึงสถานการณ์ที่น่าวิตกบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบทบาทของ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา แต่ยังคงมีอำนาจในการสั่งการและควบคุมกองทัพกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้อยู่ในฝ่ายบริหารของรัฐอีกต่อไปแล้ว
รายงานข่าวดังกล่าวมีต้นทางจากบทความของสำนักข่าวระดับโลก Reuters ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวทางการทูต 3 รายที่เปิดเผยว่า สมเด็จฮุน เซน ยังคงเป็นผู้มีอิทธิพลสำคัญในการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ของกองทัพกัมพูชา โดยเฉพาะในช่วงที่มีความตึงเครียดบริเวณชายแดนทางตะวันตกที่ติดกับประเทศไทย
ไทยแสดงความกังวลต่อการใช้อำนาจที่อยู่นอกกรอบรัฐธรรมนูญของกัมพูชา
ในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของรัฐบาลไทย นายจิรายุระบุว่า รัฐบาลมีความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อพฤติกรรมของบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในฝ่ายบริหารโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังคงมีบทบาทในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับกองกำลังทางทหาร ซึ่งถือเป็นการใช้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญของประเทศตนเอง และอาจนำไปสู่การกระทำที่เข้าข่ายละเมิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงละเมิดหลักการพื้นฐานของอาเซียนที่มุ่งเน้นการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
นายจิรายุกล่าวว่า:
"รัฐบาลไทยขอยืนยันจุดยืนอันมั่นคงในการดำรงไว้ซึ่งสันติวิธีและความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ในขณะเดียวกัน ก็จำเป็นต้องปกป้องอธิปไตยของตนเอง และไม่อาจเพิกเฉยต่อพฤติกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของภูมิภาค"
สถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียด: เบื้องหลังความเคลื่อนไหวทางทหาร
ตลอดเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2568 สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชามีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี และชายแดนเขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ มีการรายงานถึงการเคลื่อนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ทางทหารของฝ่ายกัมพูชาในลักษณะที่ผิดปกติ และไม่มีการชี้แจงจากฝ่ายบริหารของกัมพูชาอย่างเป็นทางการ
จากการสืบสวนร่วมกันระหว่างฝ่ายข่าวกรองไทยและหน่วยงานความมั่นคงระบุว่า มีสัญญาณการสั่งการโดยตรงจากบุคคลระดับสูงที่ไม่มีตำแหน่งทางการ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็น “ฮุน เซน” ที่ยังคงมีอิทธิพลเหนือกองทัพกัมพูชา แม้จะส่งต่อเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้แก่ลูกชายของตน คือ ฮุน มาเนต ตั้งแต่ปี 2566
แหล่งข่าวความมั่นคงระบุเพิ่มเติมว่า การที่ “ฮุน เซน” ยังคงสั่งการโดยไม่อยู่ภายใต้กลไกรัฐธรรมนูญ อาจเข้าข่าย “การแทรกแซงการบริหารรัฐ” และสะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างอำนาจเงาในกัมพูชาที่ไม่สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลและประชาธิปไตย
ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพในภูมิภาค
อาเซียนในฐานะประชาคมที่เน้นย้ำความร่วมมือและสันติภาพ ได้กำหนดหลักการสำคัญไว้ใน “กฎบัตรอาเซียน” (ASEAN Charter) ว่าการไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกันต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักกฎหมาย ความชอบธรรม และการใช้กระบวนการตามรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม หากประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศใดมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหลักการดังกล่าว โดยเฉพาะการให้บุคคลที่ไม่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญสั่งการกองทัพหรือดำเนินนโยบายความมั่นคงข้ามพรมแดน ก็อาจก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจระหว่างรัฐและนำไปสู่ความขัดแย้งที่ลุกลาม
นายจิรายุกล่าวอย่างชัดเจนว่า:
“การปล่อยให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งใช้กำลังทหารข้ามกรอบของอำนาจตามรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่สังคมโลกไม่ควรเพิกเฉย เพราะไม่เพียงแต่ส่งผลต่อประเทศนั้น ๆ เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อประชาชนในภูมิภาคที่อาจตกเป็นเหยื่อของความไม่มั่นคงที่ไร้ความชอบธรรม”
อาจเข้าข่าย “อาชญากรสงคราม” หากละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
จากการประเมินของฝ่ายกฎหมายระหว่างประเทศในไทยและแหล่งข่าวทางการทูตหลายประเทศในยุโรป ระบุว่า หากการใช้อำนาจของฮุน เซน ส่งผลให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน การบังคับเคลื่อนย้ายพลเรือน การสั่งโจมตีข้ามพรมแดน หรือการใช้กองทัพเพื่อกดดันกลุ่มชาติพันธุ์ในกัมพูชาเอง อาจเข้าข่ายการกระทำที่เป็น “อาชญากรรมสงคราม” (War Crimes) ตามอนุสัญญาเจนีวา
แม้จะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนในเวลานี้ว่ามีการสั่งการสู่การก่ออาชญากรรมเช่นนั้น แต่การตรวจสอบเชิงลึกจากประชาคมโลกจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องปรามพฤติกรรมที่อาจละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
รัฐบาลไทยย้ำ “สันติวิธี” แต่ไม่เพิกเฉยต่อภัยคุกคาม
แม้สถานการณ์ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และยังไม่มีความรุนแรงปะทุขึ้นในพื้นที่ชายแดน แต่รัฐบาลไทยไม่อาจนิ่งนอนใจ และต้องเตรียมความพร้อมในเชิงการทูต ความมั่นคง และการประสานงานกับพันธมิตรระหว่างประเทศอย่างรอบคอบ
ในช่วงท้ายของแถลงการณ์ นายจิรายุได้ย้ำว่า:
“ไทยพร้อมร่วมมือกับอาเซียนและประชาคมโลกในการตรวจสอบบทบาทของผู้ที่อยู่นอกโครงสร้างบริหารของประเทศกัมพูชา เพื่อปกป้องสันติภาพในภูมิภาค และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หากพบว่าการกระทำนั้นเข้าข่ายความผิดขั้นร้ายแรง รัฐบาลไทยจะไม่ลังเลที่จะสนับสนุนมาตรการทางกฎหมายหรือการทูตที่เหมาะสม”
สื่อสากลเริ่มขยายผล – กัมพูชายังไม่ออกแถลงการณ์ชี้แจง
ขณะนี้สื่อระดับโลกหลายสำนัก เช่น Reuters, Al Jazeera, BBC และ South China Morning Post เริ่มให้ความสนใจต่อบทบาทของฮุน เซนที่ยังคงอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจทางทหารของกัมพูชา โดยเฉพาะในประเด็นที่อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลกัมพูชาหรือจากตัวฮุน เซนเอง ที่จะตอบโต้หรือชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าว
บทสรุป: การเมืองเงา-ภัยเงียบต่ออาเซียน
สถานการณ์ล่าสุดในกัมพูชาอาจดูเหมือนเป็นเพียงเรื่องการเมืองภายในของประเทศหนึ่ง แต่ความจริงแล้ว บทบาทของฮุน เซน ในฐานะผู้ที่เคยปกครองประเทศมากว่า 38 ปี และยังคงมีอำนาจผ่านกลไกไม่เป็นทางการ อาจสะท้อนถึงความเปราะบางของระบอบการเมืองในภูมิภาคอาเซียน ที่ยังเปิดช่องให้ “อำนาจเงา” มีบทบาทเหนือกฎหมาย
ในโลกปัจจุบันที่กฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชนกลายเป็นหลักปฏิบัติที่ทุกประเทศต้องเคารพ การเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดต่อพฤติกรรมของผู้นำในระดับภูมิภาคจึงไม่ใช่แค่หน้าที่ของรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง แต่เป็นพันธะของทั้งประชาคมโลก
ปิดฉากจักรวาล เพิกถอน JKN ออกจากตลาดหลักทรัพย์
เปิดตำนาน "ไซยาไนด์": จากความบังเอิญทางศิลปะ สู่สารพิษพลิกประวัติศาสตร์โลก
'น้องฉัตร' ทวงบัลลังก์! บินเดี่ยวเหินฟ้า 'ดูไบ-ซาอุฯ' เสกความปังให้ 'ไบรท์-ฝ้าย'
คุณป้ามาซื้อยา จำชื่อยาไม่ได้จึงวาดรูปให้เภสัชกรดู ทำให้ชาวเน็ตทึ่ง!
ความสําเร็จอยู่ที่ใจ
ร้ายกว่าน้ำมันหมู "ราชาแห่งไขมันอิ่มตัว" ทำลายหลอดเลือดที่หลายคนไม่คาดคิด
หนุ่มฮ่องกงอาศัยในห้องขนาดแค่ 8 ตร.ม. แต่เมื่อเปิดประตูดูข้างใน กลับมีครบเลย!
เบื้องหลัง "หัวปากกา" ชิ้นจิ๋ว ความยากระดับสร้างยานอวกาศ ที่มหาอำนาจหลายชาติยังยอมแพ้
รีวิวหนังดัง NOBODY 2 คนธรรมดานรกเรียกพี่ 2
"ลาพิสลาซูลี" (Lapis Lazuli) มัจจุราชสีน้ำเงิน สัญลักษณ์เเห่งอำนาจในประวัติศาสตร์
จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต พลีชีพปกป้องอธิปไตยชาติ
เปิดภาพของฝากให้เขมร
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า



