พังทั้งชีวิต! อดีตดาราดังป่วยจิต ไม่มีบ้าน เดินเพ้อกลางถนน
อดีตพระเอกไต้หวัน “ถัง จื้อผิง” ตกอับหนัก ป่วยจิต เดินเร่ร่อน-อาละวาดคุกคามผู้หญิง ล่าสุดไม่ยอมรับแม่ตัวเองแม้เสียชีวิตตรงหน้า
ในอดีตชื่อของ ถัง จื้อผิง (Tang Zhi Ping) หรือที่แฟน ๆ ในประเทศไทยและไต้หวันรู้จักกันในชื่อ ไรอัน ถัง (Ryan Tang) เคยเป็นหนึ่งในนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งแห่งวงการบันเทิงไต้หวันยุคปี 2000 ด้วยหน้าตาหล่อเหลา บุคลิกอบอุ่น และความสามารถในการแสดงที่หลากหลาย เขามีผลงานดังหลายเรื่อง ทั้งละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และโฆษณามากมาย จนถูกขนานนามว่าเป็นพระเอกแถวหน้าของไต้หวันในช่วงเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม ภาพของพระเอกที่เคยเปล่งประกาย กลับกลายเป็นอดีตที่ห่างไกลความจริงอย่างน่าเศร้า เพราะในวันนี้ ถัง จื้อผิง กลายเป็นบุคคลไร้ที่พึ่ง ต้องเดินเร่ร่อนตามท้องถนนในกรุงไทเป มีพฤติกรรมแสดงอาการป่วยทางจิต เดินอาละวาดในที่สาธารณะ คุกคามผู้หญิงถึงในร้านกาแฟ และไม่สามารถจดจำมารดาของตนเองได้ แม้กระทั่งเมื่อเธอเสียชีวิตอยู่ในแฟลตเดียวกันกับเขา
เรื่องราวชีวิตของเขากลายเป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจให้กับทั้งวงการบันเทิงและสังคมในไต้หวัน จนแฟน ๆ ต่างพากันตั้งคำถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับอดีตดาราหนุ่มผู้เคยมีอนาคตไกลคนนี้?”
ประวัติถัง จื้อผิง: จากนายแบบสู่พระเอกดาวรุ่ง
ถัง จื้อผิง เกิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1978 ที่ประเทศไทย เขามีเชื้อสายไต้หวัน และเติบโตในไทเป ประเทศไต้หวัน จบการศึกษาจาก China Institute of Technology (ซึ่งปัจจุบันคือ China University of Science and Technology)
เขาเริ่มต้นเส้นทางในวงการบันเทิงจากการเป็นนายแบบ ก่อนจะเข้าสู่วงการแสดงอย่างจริงจังในปี 2000 กับซีรีส์ Flower Butterfly & Wild Rose (花蝴蝶与野玫瑰) ซึ่งได้รับเสียงตอบรับดี จนกลายเป็นใบเบิกทางให้เขาได้รับบทเด่นในซีรีส์ชื่อดังอีกหลายเรื่อง เช่น ปิ๊งรักสลับขั้ว, The Hospital, และ My Beautiful Family (我家的美好時光)
ฝีมือการแสดงของเขาได้รับการยอมรับอย่างสูง และในปี 2021 เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Golden Bell Award ครั้งที่ 56 ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากผลงานในละครเรื่อง My Beautiful Family ที่ออกอากาศทางช่อง DaAi TV
แม้จะมีชื่อเสียงและผลงานมากมาย แต่หลังปี 2021 ชื่อของเขาก็ค่อย ๆ เลือนหายจากหน้าสื่อ จนกระทั่งกลับมาเป็นข่าวอีกครั้งในบริบทที่ไม่มีใครคาดคิด
โศกนาฏกรรมครอบครัว: แม่เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ลูกชายไม่รับรู้
ต้นเดือนมิถุนายน ปี 2024 เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพของหญิงวัย 73 ปี บนดาดฟ้าของแฟลตชุมชนในเขตตั้นไห่ เมืองนิวไทเป ประเทศไต้หวัน ผู้ตายเสียชีวิตจากการใช้ถุงพลาสติกครอบศีรษะ ซึ่งจากการสืบสวนไม่พบร่องรอยของการฆาตกรรมหรือการทำร้ายร่างกาย
กล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่า หญิงชรารายนั้นเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยตัวเอง ถือถุงพลาสติกในมือ และไม่กลับลงมาอีกเลย เจ้าหน้าที่จึงตั้งสมมติฐานว่าเธออาจตัดสินใจจบชีวิตตนเองด้วยความสมัครใจ
ต่อมามีการยืนยันตัวตนของผู้เสียชีวิตว่าเธอคือ นางเฉิน มารดาของถัง จื้อผิง ซึ่งพักอยู่กับลูกชายในแฟลตเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกถัง จื้อผิงมาสอบสวน กลับพบว่าเขาอยู่ในสภาพมึนเมาหนัก พูดจาไม่รู้เรื่อง และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เขาปฏิเสธว่าไม่รู้จักหญิงชราที่เสียชีวิต แม้เจ้าหน้าที่จะพบกุญแจห้องของเขาในตัวผู้ตาย และญาติ ๆ ต่างก็ยืนยันว่าเธอคือแม่ของเขา
เขากล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่า:
“ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ไม่ใช่แม่ของผมแน่นอน”
จนถึงขณะนี้ เวลาผ่านมากว่า 1 เดือน ถัง จื้อผิงยังคงไม่ยอมรับศพดังกล่าวว่าเป็นมารดาของเขา และไม่มีใครในครอบครัวมาแสดงตัวเพื่อรับศพ ทำให้เจ้าหน้าที่มีแนวโน้มต้องดำเนินการจัดพิธีศพให้ในฐานะ “ศพไร้ญาติ”
ชีวิตตกต่ำ: หนี้สิน, ป่วยจิต, ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง
หลังเหตุการณ์สุดสะเทือนใจนี้ สื่อในไต้หวันเริ่มขุดคุ้ยชีวิตของถัง จื้อผิง และพบความจริงที่ชวนหดหู่อย่างยิ่ง
แม้จะเคยมีชื่อเสียงมานานกว่า 20 ปี แต่ปัจจุบันเขาไม่มีทรัพย์สินถาวร ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง และอาศัยอยู่กับแม่ในแฟลตเช่าเล็ก ๆ โดยยังค้างค่าเช่ากว่า 6 เดือน เป็นเงินราว 100,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 1 แสนบาทไทย)
ต้นสังกัดของเขาเปิดเผยว่า ถัง จื้อผิงประสบปัญหาหนี้สินจำนวนมาก เขากู้เงินจากเพื่อนฝูงมาหลายครั้ง และไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมดื่มสุราอย่างหนัก และอาจเผชิญกับภาวะซึมเศร้า หรือโรคจิตเวชที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ
พฤติกรรมแปลกประหลาด: เดินอาละวาด-คุกคามผู้หญิง
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีผู้พบเห็นถัง จื้อผิงเดินเร่ร่อนอยู่ตามท้องถนนในสภาพไม่เรียบร้อย บางครั้งแสดงพฤติกรรมคล้ายคนเสียสติ เดินเข้าไปพูดจาคุกคามผู้หญิงในร้านกาแฟ หรือส่งเสียงดังในสถานที่สาธารณะ
มีรายงานจากผู้ใช้โซเชียลว่า เขาเคยตะโกนด่าทอคนแปลกหน้ากลางถนน และพยายามเข้าไปขอเงินจากคนที่เดินผ่านไปมา จนบางคนต้องโทรแจ้งตำรวจเพราะกลัวว่าจะเกิดอันตราย
สะท้อนความจริงของวงการบันเทิง: ความสำเร็จที่ไม่มีความมั่นคง
ชีวิตของถัง จื้อผิงกลายเป็นตัวอย่างสะเทือนใจของความไม่แน่นอนในวงการบันเทิง แม้เขาจะเคยโด่งดังและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลใหญ่ระดับประเทศ แต่ก็ไม่สามารถประคองชีวิตให้มั่นคงได้ในระยะยาว
หลังจากที่ไม่มีผลงานในช่วงหลัง การขาดรายได้ ความเครียดจากหนี้สิน และปัญหาครอบครัวได้กัดกร่อนสภาพจิตใจของเขาทีละน้อย จนทำให้กลายเป็นบุคคลที่ใคร ๆ ก็มองไม่ออกว่าเขาเคยเป็น “พระเอกแถวหน้า” มาก่อน
สังคมเรียกร้องให้ช่วยเหลือ – ไม่ใช่แค่ปล่อยให้เขาหายไป
แม้จะมีผู้มองว่า ถัง จื้อผิงควรรับผิดชอบชีวิตตนเอง แต่เสียงส่วนใหญ่ในสังคมกลับเรียกร้องให้รัฐบาล หน่วยงานด้านสุขภาพจิต และองค์กรสาธารณสุขเข้ามาช่วยเหลือ
หลายคนเชื่อว่า หากเขาได้รับการดูแลจากจิตแพทย์หรือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เขาอาจสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีได้อีกครั้ง
บทสรุป: ดวงดาวที่ดับแสง หรือความหวังที่ยังไม่สายเกินไป?
เรื่องราวของถัง จื้อผิง คือบทเรียนอันเจ็บปวดของสังคมเกี่ยวกับความเปราะบางของคนที่เคยอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิต การไม่ดูแลสุขภาพจิตและการเงินอาจนำไปสู่จุดที่ไม่สามารถหวนคืนได้
แม้ปัจจุบันเขาจะยังไม่สามารถรับรู้ความสูญเสียของแม่ผู้เลี้ยงดูมาได้ แต่หากเขาได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ก็อาจมีความหวังว่าในอนาคตเขาจะฟื้นฟูชีวิตกลับมาได้อีกครั้ง แม้จะไม่ใช่ในฐานะดารา แต่ในฐานะ“มนุษย์คนหนึ่งที่สมควรได้รับความเมตตา”



