แฝดสยามเฮนเซล ตั้งครรภ์จริงหรือ? ไขปริศนาทางการแพทย์กับชีวิตที่ไม่เหมือนใคร
เรื่องราวของ แฝดสยามอบิเกลและบริททานี เฮนเซล กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปจากสายตาสาธารณชนนานกว่าทศวรรษ ครั้งนี้มาพร้อมกับข่าวอันน่าประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม นั่นคือการประกาศการตั้งครรภ์ของพวกเธอ ซึ่งสร้างความฮือฮาและจุดประกายคำถามมากมายเกี่ยวกับความเป็นไปได้ทางการแพทย์
แฝดสาววัย 34 ปีคู่นี้เป็นที่รู้จักจากการปรากฏตัวในรายการเรียลลิตี้โชว์ "Abby & Brittany" และได้สร้างความตกตะลึงให้กับโลกอีกครั้งเมื่อแอ็บบี หนึ่งในฝาแฝด เข้าพิธีสมรสกับ จอช โบว์ลิ่ง อดีตทหารผ่านศึกและพยาบาลชายผู้มีลูกติดอยู่แล้ว ข่าวการแต่งงานครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่น่าทึ่งยิ่งกว่า เมื่อปลายปี 2024 แฝดสยามคู่นี้ได้โพสต์ข้อความสั้นๆ ที่สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่งว่า "แต่งงานแล้วและกำลังจะมีลูก" (Married and baby on the way)
แม้จะไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติมจากพวกเธอ แต่ข้อความดังกล่าวก็จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางบนโซเชียลมีเดีย ผู้คนต่างแสดงความยินดีและในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร บางคนเชื่อว่าอาจเป็นการตั้งครรภ์โดยวิธีการดั้งเดิม ในขณะที่บางคนก็ตั้งข้อสังเกตว่าการมีลูกอาจเกิดขึ้นได้ด้วยวิธีอื่น เช่น การใช้อุ้มบุญ
สื่อใหญ่อย่าง เดลีเมล์ ของอังกฤษได้เข้าร่วมการสนทนานี้ด้วย โดยให้ความเห็นว่าในทางทฤษฎีแล้ว การตั้งครรภ์ของแฝดสยามเฮนเซลนั้นเป็นไปได้ แม้จะมีความซับซ้อนและท้าทายก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของการระบุตัวมารดาที่แท้จริงของเด็ก และปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์
ความต้องการที่จะเป็นแม่ของแฝดสยามเฮนเซลไม่ใช่เรื่องใหม่ พวกเธอเคยแสดงความปรารถนานี้มานานแล้ว ก่อนที่แอ็บบีจะแต่งงานเสียอีก ในอดีต แอ็บบีเคยกล่าวไว้ว่า "ใช่ค่ะ สักวันหนึ่งเราจะเป็นแม่ แต่เราไม่อยากพูดถึงว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างไร" และบริททานีเสริมว่า "เราจะเป็นแม่ที่ดี แต่โลกไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเรากำลังคบกับใคร ทำอะไร หรือเมื่อไหร่" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของพวกเธอ
แฝดสยามเฮนเซลมีอาการที่เรียกว่า "ภาวะแฝดสยามติดกันแบบ Dicephalic Parapagus" ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้ยากมาก โดยมีอัตราการเกิดประมาณ 1 ใน 200,000 ของทารกแรกเกิดที่มีชีวิต ภาวะนี้เกิดจากการที่ไข่ที่ปฏิสนธิเริ่มแบ่งตัวเป็นสองตัวอ่อน แต่กระบวนการหยุดลงก่อนที่จะเสร็จสมบูรณ์ ส่งผลให้เกิดการเชื่อมติดกันของร่างกาย
โดยปกติแล้ว แพทย์มักจะแนะนำให้ทำการผ่าตัดแยกแฝด แต่การผ่าตัดเช่นนี้มีความเสี่ยงสูง โดยมีอัตราการรอดชีวิตของแฝดอย่างน้อยหนึ่งคนเพียง 75% พ่อแม่ของแฝดสยามเฮนเซลในขณะนั้นกังวลว่าจะสูญเสียลูกคนใดคนหนึ่งไป จึงตัดสินใจที่จะไม่ทำการผ่าตัด ซึ่งทำให้พวกเธอมีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงปัจจุบันในวัย 34 ปี
สิ่งที่ทำให้กรณีของแฝดสยามเฮนเซลมีความซับซ้อนอย่างมากคือ อวัยวะทั้งหมดตั้งแต่ช่วงเอวลงไปเป็นอวัยวะร่วมกัน รวมถึงมดลูกด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้การระบุตัวมารดาที่แท้จริงของทารกหากมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง
เท่าที่มีบันทึกทางการแพทย์ มีเพียงคู่เดียวเท่านั้นที่เป็นแฝดสยามที่เคยตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตร ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว นั่นคือ โจเซฟาและโรซา บลาซเซก ซึ่งเกิดในปี 1878 พวกเธอเป็นแฝดสยามที่เชื่อมติดกันที่กระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกรานส่วนล่าง แต่มีอวัยวะสืบพันธุ์แยกกัน ซึ่งแตกต่างจากกรณีของแฝดสยามเฮนเซลที่ใช้อวัยวะร่วมกันทั้งหมดตั้งแต่เอวลงไป
จากบันทึกทางการแพทย์ที่มีอยู่ โรซา บลาซเซก หนึ่งในแฝดสยาม ได้ให้กำเนิดบุตรชายที่มีสุขภาพแข็งแรงด้วยการคลอดธรรมชาติในเดือนเมษายน ปี 1910 และสามารถให้นมบุตรได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายละเอียดโดยตรงเกี่ยวกับการคลอดหรือรายละเอียดอื่นๆ ที่ชัดเจนในเอกสารเหล่านั้น
เรื่องราวของแฝดสยามเฮนเซลกับการประกาศการตั้งครรภ์ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องราวส่วนตัวที่น่าติดตาม แต่ยังเป็นกรณีศึกษาที่ท้าทายขีดจำกัดของวงการแพทย์และวิทยาศาสตร์ ชวนให้เราคิดถึงความซับซ้อนของชีวิต และปาฏิหาริย์ที่อาจเกิดขึ้นได้แม้ในสถานการณ์ที่ยากจะคาดเดา
















