บลูมเบิร์กแฉ! ศูนย์ฟอกเงินเขมร ยิ่งใหญ่-ซับซ้อนเทียบได้กับแอมะซอนของโลกใต้ดิน
เปิดโปง “Huione Group” อาณาจักรอาชญากรรมการเงินจากกัมพูชา: เมื่อฟอกเงินกลายเป็นระบบที่ใหญ่ที่สุดในโลกไซเบอร์
ในโลกที่ทุกอย่างสามารถถูกซื้อขายผ่านหน้าจอ ไม่ใช่เพียงแค่สินค้าอุปโภคบริโภค แต่ยังรวมไปถึงข้อมูลบัตรเครดิตที่ถูกขโมย ธนบัตรปลอม บริการฟอกเงิน และเทคโนโลยีเจาะข้อมูลส่วนตัว สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็น “สินค้า” ในตลาดมืดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และหนึ่งในศูนย์กลางที่น่าตกใจที่สุดของตลาดดังกล่าว กำลังถูกเปิดโปง — นั่นคือ "Huione Group" กลุ่มบริษัทสัญชาติกัมพูชาที่เติบโตขึ้นมาในเงามืดของเศรษฐกิจผิดกฎหมาย ด้วยสายสัมพันธ์ทางการเมืองระดับสูงและเครือข่ายเชื่อมโยงอาชญากรรมทั่วโลก
“อเมซอน” แห่งโลกอาชญากรรมดิจิทัล
หาก “Amazon” เป็นศูนย์กลางของอีคอมเมิร์ซที่ถูกกฎหมาย “Huione” ก็คือเงาสะท้อนอีกด้านหนึ่ง — อาณาจักรของตลาดผิดกฎหมาย ที่รวบรวมบริการทางการเงินที่ซับซ้อนที่สุดให้กับกลุ่มอาชญากรทั่วโลก โง มินห์ เชียว นักวิเคราะห์ภัยคุกคามไซเบอร์ชื่อดังเปรียบเทียบว่า "นี่คืออเมซอนของพวกอาชญากร" ทั้งในแง่ของการจัดการ ประเภทของสินค้าที่จำหน่าย และความสามารถในการอำนวยความสะดวกให้ทุกบริการผิดกฎหมายภายใต้ระบบเดียว
Huione Group เป็นกลุ่มบริษัทการเงินสัญชาติกัมพูชา ที่ให้บริการครบวงจรทั้งการโอนเงิน, การประกันภัย, แลกเปลี่ยนเงินตรา, ไปจนถึงระบบชำระเงินดิจิทัล โดยเฉพาะ "Huione Pay" ที่เคยโฆษณาตนเองว่าเป็น “Alipay แห่งกัมพูชา” ซึ่ง QR Code ของบริษัทนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในร้านอาหารและสถานประกอบการต่างๆ ทั่วประเทศ แต่เบื้องหลังความหรูหราเหล่านั้น คือเส้นทางฟอกเงินที่ซับซ้อนที่สุดเส้นหนึ่งของโลก
เผยโฉมเครือข่ายที่เชื่อมโยงถึงรัฐบาล
สิ่งที่ทำให้ Huione Group น่ากังวลยิ่งกว่าคือการเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับครอบครัวผู้นำของกัมพูชา โดยมี "ฮุน โต" ลูกพี่ลูกน้องของ "ฮุน มาเนต" นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน และหลานชายของสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นหนึ่งในผู้บริหารหลักของบริษัทในเครือนี้
ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุว่า ฮุน โต เคยดำรงตำแหน่งกรรมการของ Huione Pay และ Panda Commercial Bank ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในกัมพูชา ทั้งยังเคยตกเป็นเป้าสอบสวนจากรัฐบาลออสเตรเลียในข้อหาลักลอบขนยาเสพติด แม้จะไม่มีการตั้งข้อหาในภายหลังก็ตาม สายสัมพันธ์เช่นนี้เองที่ทำให้ Huione Group เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดมืด และสามารถหลบหลีกการปราบปรามจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายได้อย่างน่าทึ่ง
“ฟอกเงิน – หลอกลวง – รักลวงโลก” วงจรอาชญากรรมไซเบอร์สมบูรณ์แบบ
กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้จัดอันดับ Huione Group และบริษัทในเครืออย่าง Huione Pay, Huione Crypto และ Haowang Guarantee ว่าเป็น "โหนดสำคัญ" ของระบบฟอกเงินระดับโลก โดยเฉพาะเงินจากขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์, คริปโตที่ถูกขโมย, และกิจกรรมฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับกลโกงแบบ "เชือดหมู" (Pig Butchering) หรือหลอกให้รักแล้วชวนลงทุน
Bloomberg ยังเปิดเผยเอกสารภายในที่ระบุว่า Huione มีหน่วยงานลับชื่อ "Huione International Pay" ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่ดำเนินงานประสานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในแต่ละวัน จัดหาบัญชีม้าสำหรับรับเงินโอนจากเหยื่อ และจัดการห้องแชทในตลาดมืด เอกสารยังเผยถึง "คู่มือควบคุมความเสี่ยง" ที่แสดงระดับความอันตรายหากเหยื่อแจ้งตำรวจ พร้อมอีโมจิหัวกะโหลกเป็นเครื่องเตือนใจ
สายสัมพันธ์กับอาชญากรรมข้ามชาติและเกาหลีเหนือ
หนึ่งในประเด็นที่ทำให้ Huione Group ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด คือการเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ “Lazarus Group” ที่ขึ้นชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการโจรกรรมคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในโลก และเคยถูกระบุว่าเป็นภัยคุกคามระดับประเทศโดยรัฐบาลสหรัฐฯ
Huione ไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกด้านการเงินเท่านั้น แต่ยังมีการจับคู่บัญชีปลอม, ให้คำปรึกษาการฟอกเงิน, และสร้าง “ตัวตนเสมือน” สำหรับแอบอ้างเป็นเหยื่อหรือผู้บริสุทธิ์ ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า นี่ไม่ใช่เพียงกลุ่มบริษัททั่วไป แต่เป็นองค์กรอาชญากรรมที่มีโครงสร้างและความสามารถระดับสากล
ความพยายามปราบปราม — จริงหรือแค่ภาพลวงตา?
แม้ธนาคารแห่งชาติกัมพูชาจะเพิกถอนใบอนุญาตของ Huione Pay ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และแม้ Telegram จะปิดกลุ่มแชทหลายร้อยกลุ่มที่เกี่ยวข้อง แต่รายงานจาก Chainalysis และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินฟอกเงินชี้ว่า “เครือข่ายยังทำงานอยู่” โดยอาศัยวิธีเปลี่ยนชื่อหรืออำพรางในบริษัทลูก หรือโอนย้ายลูกค้าไปยังช่องทางใหม่ๆ
Andrew Peirman หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ความมั่นคงของ Chainalysis กล่าวว่า “เมื่อโครงสร้างเครือข่ายอาชญากรรมหยั่งรากลึกขนาดนี้ การ ‘ปิดตัว’ ในที่สาธารณะ ก็เหมือนแค่ฉากลวงตา ความจริงเบื้องหลังยังคงดำเนินต่อไป”
Tether ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ USDT ยังได้สั่งอายัดกระเป๋าเงินที่เชื่อมโยงกับ Huione มูลค่ากว่า 30 ล้านดอลลาร์แล้ว ขณะที่หน่วยงานในประเทศไทยก็เริ่มเข้าร่วมสอบสวนอย่างจริงจัง พร้อมวางแผนดำเนินการกวาดล้างเครือข่ายที่อาจเชื่อมโยงกับขบวนการหลอกลวงคนไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
สัญญาณอันตรายของโลกการเงินใหม่
เรื่องราวของ Huione Group เป็นเพียงปลายยอดภูเขาน้ำแข็งของโลกอาชญากรรมดิจิทัล ที่แฝงตัวอยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคย ความสามารถในการเชื่อมต่ออย่างไร้พรมแดนทำให้ทั้งคนดีและคนร้ายเข้าถึงทรัพยากรเดียวกันได้ หากไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวดและความร่วมมือระดับนานาชาติ ปัญหานี้จะไม่หยุดลงง่ายๆ
ในยุคที่เทคโนโลยีเคลื่อนไหวเร็วกว่ากฎหมาย และอาชญากรสามารถอาศัยระบบทางการเงินที่ไร้ศูนย์กลางอย่างคริปโตเคอร์เรนซี เครือข่ายเช่น Huione Group อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของอาณาจักรผิดกฎหมายแห่งอนาคตที่ยากจะสกัด
















