ความจริงจากชายแดน – ร่างทหารไร้การเหลียวแล กลายเป็นวิกฤตมนุษยธรรมที่ถูกปิดบัง”

“ถึงพี่น้องชาวกัมพูชา: ความจริงจากชายแดน – ร่างทหารไร้การเหลียวแล กลายเป็นวิกฤตมนุษยธรรมที่ถูกปิดบัง”

ในห้วงเวลานี้ ซึ่งความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดนยังคงปะทุและครุกรุ่นอยู่ พวกท่านมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะได้รับรู้ข้อเท็จจริง โดยเฉพาะในสิ่งที่รัฐบาลของท่านเลือกที่จะปิดบัง

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในแนวปะทะ ไม่ใช่เพียงเรื่องของการทหาร หรือการปกป้องดินแดนเท่านั้น แต่มันคือ วิกฤตด้านมนุษยธรรม ที่กำลังก่อตัวอย่างเงียบงันและน่าสลดใจยิ่ง

ขณะนี้ มีร่างของทหารกัมพูชาจำนวนมากที่ ยังคงนอนแน่นิ่งในป่า – ถูกทอดทิ้งไว้ตามพื้นที่สู้รบ ไม่มีการนำกลับ ไม่มีการช่วยเหลือ ไม่มีแม้แต่การแสดงความเมตตาในฐานะเพื่อนมนุษย์

ร่างเหล่านั้นเน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา กลิ่นอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่ว บางจุด ทหารไทยที่ประจำอยู่ใกล้แนวปะทะยังไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ เพราะกลิ่นศพที่ลอยมากระทบประสาทรับกลิ่นอย่างน่าสะเทือนใจ

ฝูงแร้งและอีกาโฉบเฉี่ยววนเวียนอยู่เหนือพื้นที่เหล่านั้นทุกวัน นี่ไม่ใช่เพียงภาพสะเทือนใจ แต่คือ เสียงร้องของความจริง ที่ถูกกลบไว้ใต้กองกระดูกและความเพิกเฉย

สิ่งที่น่าตกใจกว่าสภาพการณ์เหล่านี้คือความเงียบงันของรัฐบาลของท่าน — ไม่มีความพยายามใดๆ ที่จะกู้ร่างกลับ ไม่มีการส่งทีมแพทย์หรือหน่วยกู้ภัยเข้าไป ไม่มีการขอความร่วมมือเพื่อหยุดยิงชั่วคราวเพื่อเคารพชีวิตผู้ล่วงลับ

ความเงียบนี้ คือการปฏิเสธความเป็นมนุษย์

ความนิ่งเฉยนี้ คือการละเลยชีวิตของลูกหลานของท่านเอง

พี่น้องชาวกัมพูชา พึงรู้ไว้ว่า บุตรหลานของท่านที่เข้าร่วมรบเหล่านั้นไม่ใช่เพียงผู้กล้าที่ทำหน้าที่ หากแต่พวกเขากำลังถูกทำให้กลายเป็นเพียง “สิ่งที่ไร้ตัวตน” ในสายตาของผู้มีอำนาจที่ไม่กล้าเผชิญความจริง

ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนอย่างพวกท่านจะต้อง ตั้งคำถามต่อรัฐบาลของตนเอง ว่าทำไมร่างของทหารผู้เสียสละจึงยังไม่ได้รับการเหลียวแล ทำไมความตายของพวกเขาจึงถูกซ่อนเร้น และทำไมวิกฤตมนุษยธรรมนี้จึงยังไม่ถูกพูดถึงอย่างตรงไปตรงมา

ความจริงจะไม่ถูกฝังไปพร้อมศพ

ตราบใดที่ประชาชนยังมีเสียง

เราขอเรียกร้องให้มีการดำเนินการกู้ร่างผู้เสียชีวิตโดยเร็ว เปิดทางให้การแพทย์และมนุษยธรรมเข้าไปถึงพื้นที่ และร่วมกันสร้างสันติภาพที่แท้จริงบนพื้นฐานของความเคารพในศักดิ์ศรีของมนุษย์ ถึงเวลาที่พวกท่านควรได้รับคำตอบ