ภูเขาไฟเลโวโทบี ลากิ-ลากิ ปะทุรุนแรง! อินโดนีเซียสั่งปิดโรงเรียน-สนามบิน หลังเถ้าถ่านพุ่งสูง 18,000 เมตร
อินโดนีเซีย - ภูเขาไฟเลโวโทบี ลากิ-ลากิ (Mount Lewotobi Laki-laki) ปะทุรุนแรง พ่นเถ้าถ่านพุ่งทะลุฟ้า โรงเรียน-สนามบินต้องปิดฉุกเฉิน
เกิดเหตุการณ์ภูเขาไฟปะทุครั้งใหญ่ในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อภูเขาไฟ “เลโวโทบี ลากิ-ลากิ” บนเกาะฟลอเรสตะวันออก ได้เริ่มปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ทำให้เกิดกลุ่มเถ้าถ่านลอยสูงขึ้นไปในอากาศราว 10,000 เมตร จากยอดเขา หรือประมาณ 11,584 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่โดยรอบ
ทางการอินโดนีเซียได้ประกาศ ปิดโรงเรียนและสนามบิน ในพื้นที่เสี่ยงทันที เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และหลีกเลี่ยงปัญหาด้านสุขภาพจากการสูดดมเถ้าถ่าน และการเดินทางทางอากาศที่อาจได้รับผลกระทบจากเมฆเถ้าภูเขาไฟ
ล่าสุดในวันที่ 2 สิงหาคม 2025 เวลา 01.05 น. ตามเวลาท้องถิ่น ภูเขาไฟลูกนี้ได้เกิด การปะทุครั้งที่สอง อย่างรุนแรง โดยพ่นเถ้าถ่านพุ่งสูงถึง 18,000 เมตรเหนือยอดเขา ทำให้สถานะของภูเขาไฟเลโวโทบี ลากิ-ลากิถูกยกระดับขึ้นเป็น ระดับ 4 (ระดับสูงสุด) หรือระดับ “เตือนภัย” ซึ่งหมายความว่าอาจเกิดการปะทุซ้ำ และอันตรายร้ายแรงในวงกว้าง
หน่วยงานเฝ้าระวังภัยพิบัติอินโดนีเซีย (PVMBG) ได้แจ้งให้ประชาชนในรัศมีไม่ต่ำกว่า 4-5 กิโลเมตรจากปล่องภูเขาไฟ อพยพออกจากพื้นที่ทันที พร้อมสั่งงดกิจกรรมกลางแจ้ง และแจกหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นภูเขาไฟ
ภูเขาไฟเลโวโทบี ลากิ-ลากิ เป็นหนึ่งในภูเขาไฟคู่ที่มีชื่อเสียงร่วมกับ "เลโวโทบี เปเรมปวน (Lewotobi Perempuan)" และมีประวัติการปะทุเป็นระยะ ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับชุมชนโดยรอบมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นอีก
หน่วยกู้ภัย, องค์กรช่วยเหลือ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าสู่พื้นที่เพื่อช่วยเหลือและให้ข้อมูลกับประชาชน พร้อมเร่งแจกจ่ายสิ่งของจำเป็น รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นภูเขาไฟ
สถานการณ์ล่าสุด
ระดับเตือนภัย: ระดับ 4 – สูงสุด
เถ้าถ่านพุ่งสูง: 18,000 เมตร
โรงเรียนและสนามบินในพื้นที่: ปิดชั่วคราว
คำแนะนำ: หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง และสวมหน้ากากอนามัย
ประชาชนทั่วโลกติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสายการบินที่มีเส้นทางผ่านเขตน่านฟ้าของอินโดนีเซีย ซึ่งอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางบินหรือยกเลิกเที่ยวบินเพื่อความปลอดภัยต่อไป
แหล่งข่าว: PVMBG, สำนักข่าวท้องถิ่นอินโดนีเซีย, และสำนักข่าวนานาชาติ




















