โฆษก ทบ. แจง ปม “ช่องอานม้า”
หลังจากที่ไทยและกัมพูชาได้เปิดฉากการต่อสู้ตามแนวชายแดนซึ่งการต่อสู้ในครั้งนี้ทางกัมพูชาเป็นผู้เปิดฉากยิงปืนใหญ่เข้ามาโจมตีในพื้นที่อธิปไตยของไทยเป็นเหตุให้ไทยต้องมีการตอบโต้กลับโดยใช้กำลังกองทหาร
เข้าต่อสู้และเมื่อเวลาผ่านไปได้ประมาณ 5 วันทั้งสองฝ่ายก็ได้มีการเจรจาหยุดยิงโดยผู้นำของทั้งสองประเทศที่มาเลเซียโดยให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 โดยไม่มีเงื่อนไขในการหยุดยิง
และเมื่อทั้งสองได้มีการเจรจาหยุดยิงเท่านั้นทางการไทยก็ได้ออกมาแถลงว่าสามารถยึดประสาทต่างๆและช่องอานม้าไว้ได้ จากกรณีข้างต้นนี้เองล่าสุดทางเพจ Facebook วาสนา นาน่วม ได้มีการออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
โฆษก ทบ. แจง ปม “ช่องอานม้า”
กองทัพไทยสามารถควบคุม
สถาปนาพื้นที่ ได้เพิ่มขึ้น
ผลักดันทหารกัมพูชา ออกจาก
พื้นที่ที่รุกล้ำอธิปไตยไทยได้สมบูรณ์
ไทย-กัมพูชา ตกลง
แนวทางปฏิบัติร่วมกันไว้
จัดกำลังฝ่ายละ 5 นาย
เข้าไปในพื้นที่ร่วม/พื้นที่ที่ต่างฝ่ายได้อ้างสิทธิ์ โดยไม่มีการพกพาอาวุธ
จัด ลาดตระเวนร่วมกัน
ลาดตระเวนรอบ “ตาอม”
ฝั่งกัมพูชา เป็นเวลา 15 นาทีต่อครั้ง
และ ไม่จำกัดช่วงเวลาเข้า-ออกพื้นที่สามารถเข้าปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนได้ ตลอดเวลา โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา
.
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. ชี้แจง
กรณีพื้นที่ “ช่องอานม้า” ว่า ก่อนเกิดเหตุการปะทะเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 กำลังทหารฝ่ายไทย ไม่เคยสามารถเข้าไปในพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอม ได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาวางกำลังตรึงพื้นที่ไว้ฝ่ายเดียวมาตลอดซึ่งผิดหลักธรรมชาติ
แต่ปัจจุบันหลังปะทะ และหยุดยิง ฝ่ายไทยสามารถเข้าพื้นที่ได้ ตามเงื่อนไขที่ ทหารทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกัน
สำหรับกรณีเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้นำคณะทูตทหารจาก 13 ประเทศเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่ จะพบว่า พื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอมขณะนั้นมีทหารไทยได้ควบคุมพื้นที่อยู่
แต่ด้วยแนวปฏิบัติร่วมในพื้นที่อ้างสิทธิ์บริเวณ “ช่องอานม้า” หน่วยทหารในพื้นที่ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงแนวทางปฏิบัติร่วมกันไว้ ดังนี้:
1. จัดกำลังฝ่ายละ 5 นาย โดยแต่ละฝ่ายส่งเจ้าหน้าที่ 5 นายเข้าไปในพื้นที่ร่วม/พื้นที่ที่ต่างฝ่ายได้อ้างสิทธิ์
2. ไม่มีการพกพาอาวุธเจ้าหน้าที่ทุกนายต้องงดเว้นการพกพาอาวุธในขณะปฏิบัติภารกิจ
3. มีการลาดตระเวนร่วมกันทั้งสองฝ่ายร่วมเดินลาดตระเวนบริเวณรอบ “ตาอม” (ฝั่งกัมพูชา) และพื้นที่ใกล้เคียง เป็นเวลา 15 นาทีต่อครั้ง
4. ไม่จำกัดช่วงเวลาในการเข้า-ออกพื้นที่สามารถเข้าปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนได้ ตลอดเวลา โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา
ปัจจุบันกองทัพไทยสามารถควบคุมสถาปนาพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น หลายพื้นที่สามารถผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่รุกล้ำอธิปไตยไทยได้สมบูรณ์
รวมถึงเข้ายึดพื้นที่ในแนวจุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่สำคัญได้หลายจุด
โดยเมื่อยึดพื้นที่ได้แล้ว ฝ่ายไทยได้จัดกำลังตรึงพื้นที่ เฉพาะในเขตที่มั่นใจว่าเป็นดินแดนของไทย และสามารถครอบครองได้โดยชอบธรรม เพื่อรักษาความได้เปรียบทางยุทธวิธี เพื่อได้เปรียบในการป้องกันการกระทบกระทั่งที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต



















