เขมรลั่น ไทยต้องยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ และ เคารพสิทธิของเชลยศึก
วันนี้ [ตามเวลาท้องถิ่น] นักวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์ "โรธ สันเตเฟาพ" ประจำกรุงพนมเปญ ได้ออกมากล่าวว่า "เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2025 ทหารกัมพูชา จำนวน 21 นาย ได้วางอาวุธโดยสุจริตใจ ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างกัมพูชาและไทย แต่พวกเขากลับถูกทหารไทยจับกุมตัว ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยตรง"
ทหารกัมพูชาหนึ่งนาย ไม่ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย ร่างของเขาถูกส่งกลับกัมพูชา ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นายถูกส่งตัวกลับประเทศในวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ท่ามกลางบาดแผลจากความยากลำบาก 1 นายพิการทางร่างกาย อีก 1 หนึ่งได้รับบาดเจ็บทางจิตใจอย่างรุนแรง ทหารกัมพูชา 18 นายยังคงอยู่ในความดูแลของกองทัพไทย และ เผชิญกับชะตากรรมที่ไม่แน่นอน การกักขังพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่เป็นการดูหมิ่นกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังเป็นการละเมิดหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศ และ ละเมิดหลักศีลธรรมอันดีงามของมนุษย์อีกด้วย"
กัมพูชาเป็นประเทศที่รักสันติ มีความมุ่งมั่นที่พิสูจน์แล้วในการเจรจา การอยู่ร่วมกัน และ หลักนิติธรรม ประเทศของเราได้ให้เกียรติอย่างเต็มที่ ต่อการหยุดยิงที่ริเริ่มขึ้นโดยความปรารถนาดี ของประชาคมระหว่างประเทศ โดยเปิดพรมแดนและเชิญชวนผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศ ให้ร่วมมาเป็นสักขีพยาน ในความโปร่งใสและความปรารถนาดีของเรา
ในทางตรงกันข้าม การกระทำของไทย ซึ่งควบคุมตัวทหารกัมพูชา หลังการหยุดยิง ถือเป็นการละเมิดความไว้วางใจ และ ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศโดยตรง กัมพูชาขอเรียกร้องอย่างเร่งด่วน ให้ปล่อยตัวทหารทั้ง 18 นาย ที่ยังถูกควบคุมตัวโดยไทยโดยทันที!! และ ไม่มีเงื่อนไข...
ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ การปฏิบัติต่อเชลยศึกอยู่ภายใต้บังคับ แห่งอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3 ค.ศ. 1949 ซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้อย่างชัดเจน อนุสัญญานี้กำหนดให้ทุกฝ่ายในความขัดแย้งทางอาวุธต้อง
1. ปฏิบัติต่อเชลยศึกอย่างมีมนุษยธรรมโดยปราศจากการแบ่งแยกใดๆ (ข้อ 13)
2. ห้ามการทรมาน การบีบบังคับ และการปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรม (ข้อ 17)
3. ส่งตัวเชลยศึกกลับประเทศโดยไม่ชักช้าหลังจากการสู้รบยุติลง (ข้อ 118)
การที่ไทยยังคงกักขัง ปฏิบัติมิชอบ และ ส่งตัวล่าช้า ถือเป็นการละเมิดพันธกรณีเหล่านี้อย่างโจ่งแจ้ง การกระทำเหล่านี้ยังละเมิดปฏิญญาสากล ว่าด้วยสิทธิมนุษยชน กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และ ละเมิดอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน ซึ่งล้วนตอกย้ำหลักการศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่ไม่อาจละเมิดได้ในช่วงความขัดแย้งทางอาวุธ
เชลยศึกไม่ใช่ตัวต่อรอง พวกเขาเป็นบุคคลที่ได้รับความคุ้มครอง ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ มีสิทธิได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรม การดูแลทางการแพทย์ทันที และ ส่งตัวกลับประเทศโดยเร็วหลังจากยุติการสู้รบ การกระทำของไทยบั่นทอนความน่าเชื่อถือของข้อตกลงหยุดยิง คุกคามเสถียรภาพในภูมิภาค และทำลายชื่อเสียงในระดับนานาชาติ
ราชอาณาจักรกัมพูชา ขอเรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติ สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน และ กลไกระหว่างประเทศทั้งหมดเรียกร้อง ให้ปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นายโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข เพื่อให้แน่ใจว่ามีการสอบสวนอย่างเป็นอิสระ เกี่ยวกับการละเมิดเหล่านี้ และ ให้จับผู้ที่ต้องรับผิดชอบ ต่อการกระทำอันโหดร้ายเหล่านี้มาลงโทษ
ทั่วโลกกำลังจับตามอง ทหารกัมพูชา 18 นายกำลังรอคอยความยุติธรรมและอิสรภาพ บัดนี้ประเทศไทยต้องเผชิญกับทางเลือก 2 ทาง คือ ยึดมั่นในกฎหมายและมนุษยธรรม หรือ จะเดินหน้าสู่เส้นทางแห่งการลอยนวลพ้นผิดต่อไป เพื่อสันติภาพ เสถียรภาพในภูมิภาค และความศักดิ์สิทธิ์ของสิทธิมนุษยชน ประเทศไทยจำเป็นต้องปล่อยตัวทหารเหล่านี้โดยทันที!!





















