เขมรยื่นเรื่องให้สหประชาชาติประณามไทยกล่าวหาใช้ระเบิดต้องห้าม
วันนี้ เพจเฟสบุ๊ก "สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว" ได้โพสต์ว่า "สำนักงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา ส่งหนังสือถึงประธานอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดคลัสเตอร์ แห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้ประณามไทย ปมใช้ "ระเบิดคลัสเตอร์" โจมตีกัมพูชา"
จดหมายดังกล่าว ลงนามโดย "ลี ทุช" รัฐมนตรีอาวุโสและรองประธานคนที่หนึ่งของสำนักงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา และจ่าหน้าถึง นายคาร์ลอส ดี ซอร์เรตตา ผู้แทนถาวรของฟิลิปปินส์ประจำสหประชาชาติ และ ประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดคลัสเตอร์ สมัยที่ 13
ในจดหมายได้ให้รายละเอียดกล่าวหา การโจมตีด้วยระเบิดคลัสเตอร์หลายครั้ง ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยระบุว่า "กองทัพไทยมีการประสานงานและไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า" และ "มุ่งเป้าไปที่ฐานที่มั่นของทหารกัมพูชา ในจังหวัดพระวิหารและอุดรมีชัย
สำนักงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา ระบุว่า "สถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงขึ้นในเช้าวันศุกร์ เมื่อหน่วยทหารไทยเปิดฉากโจมตีด้วยระเบิดคลัสเตอร์ 2 ครั้ง ครั้งแรกที่ภูเขาพนม-กมอช" และ "ครั้งที่สอง ที่หมู่บ้านเตโชธรรมชาติ ในอำเภอจอมกระสาน"
จดหมายดังกล่าว ระบุว่า "การโจมตีโดยเจตนาเหล่านี้ ถือเป็นการละเมิดหลักการด้านมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง คุกคามชีวิตพลเรือน และสร้างความทุกข์ทรมานในระยะยาวแก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ การกลับมาใช้อาวุธดังกล่าวบนแผ่นดินกัมพูชาอีกครั้ง เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน และ ต้องได้รับการประณามอย่างหนักแน่นจากนานาชาติ"
อย่างไรก็ดี ทางสำนักงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา ยอมรับว่า "แม้กัมพูชาจะไม่ได้เป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาดังกล่าว แต่ที่ผ่านมาก็ได้สนับสนุนวัตถุประสงค์ด้านมนุษยธรรม ของอนุสัญญานี้มาโดยตลอด" และ "ยังคงดำเนินการเก็บกู้ระเบิดที่ตกค้างจากความขัดแย้งในอดีต" โดยย้ำว่า "ระเบิดขนาดเล็กจากระเบิดคลัสเตอร์หลายล้านลูก ยังคงถูกทิ้งไว้ในดินแดนของกัมพูชา จากสงครามในอดีต ซึ่งก่อให้เกิดการสูญเสียและการบาดเจ็บแก่พลเรือนของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง"
"ลี ทุช" กล่าวย้ำว่า "การใช้ระเบิดคลัสเตอร์ เป็นการตอกย้ำบาดแผล กัมพูชายังคงยึดมั่นในสันติภาพ แต่จะไม่ประนีประนอมเรื่องอธิปไตย" และ "จะไม่นิ่งเฉยต่อการกระทำที่รุนแรงโดยเจตนา" และ "รัฐบาลกัมพูชา ได้เรียกร้องให้รัฐภาคีอนุสัญญา และประชาคมโลก ดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการส่งผู้สังเกตการณ์อิสระ เข้ามาประเมินความเสียหายและตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งเตือนว่า การโจมตีครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ยังทำให้พลเรือนหลายพันคนตกอยู่ในความเสี่ยง"
ในขณะเดียวกัน สำนักงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา ก็ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศ ทั้งคณะกรรมการเก็บกู้ทุ่นระเบิดระดับจังหวัด และพันธมิตรต่างๆ เร่งให้ความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยง จากทุ่นระเบิดแก่ประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้พลัดถิ่น เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นตามมา
อ้างอิง: เพจเฟสบุ๊ก "สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว"





















