หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

จับโป๊ะสายลับเขมร! ตำรวจเผยอาชีพจริง “สิบโท” กลายเป็นแค่ฉากบังหน้า?

เนื้อหาโดย bbb1236555

เปิดปม "นายเดิม เดือน" ชาวกัมพูชากลางดราม่าสายลับ ท้ายที่สุดแค่หลงใหลเครื่องแบบทหาร?

ประเด็นร้อนบนชายแดนไทย-กัมพูชา กับคดีที่ชวนให้สงสัยและตีความผิดพลาด

ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2568 สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเกิดความตึงเครียดเล็กน้อย หลังจากมีรายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจังหวัดจันทบุรี (ฉก.นย.จันทบุรี) ได้ควบคุมตัวชายชาวกัมพูชาอายุ 53 ปีรายหนึ่ง ชื่อ "นายเดิม เดือน" หรือ "MR. OEUN KHOEM" เนื่องจากมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าอาจเป็น "สายลับ" ของกัมพูชา แฝงตัวเข้ามาในพื้นที่เพื่อปฏิบัติภารกิจด้านการข่าว

 

โดยข่าวในช่วงแรกได้รับความสนใจจากทั้งสื่อไทยและสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้มีเครื่องแบบทหารกัมพูชาอยู่ในครอบครอง มีการโพสต์ภาพและข้อความที่สื่อถึงความเคลื่อนไหวทางทหารผ่านโซเชียลมีเดีย รวมถึงยังอ้างตัวว่าเป็นนายทหารข่าวกรองในกองทัพกัมพูชาอีกด้วย

 

การจับกุมและพฤติการณ์ที่ทำให้ตกเป็นเป้าสงสัย

เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจังหวัดจันทบุรี ได้ทำการควบคุมตัวชายชาวกัมพูชา คือ นายเดิม เดือน (MR. OEUN KHOEM) หลังจากมีเบาะแสว่าอาจเป็นสายลับจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาปฏิบัติการข่าวกรองในพื้นที่ประเทศไทย

โดยเขาถูกตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) และอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแบบถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยวีซ่าประเภท NON-LA ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2568 และมีระยะเวลาพำนักจนถึงวันที่ 11 มีนาคม 2570 รวมถึงมีถิ่นพำนักอย่างชัดเจนที่บ้านเลขที่ 301/1 หมู่ 1 ตำบลหับไทร อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เพิ่มความน่าสงสัยคือการที่เจ้าหน้าที่พบชุดเครื่องแบบทหารกัมพูชาอยู่ในรถกระบะมาสด้าทะเบียน กล 2141 จันทบุรี รวมถึงในบ้านพักของเขา โดยในรถยังมีหลักฐานเกี่ยวกับกิจกรรมทางโซเชียลมีเดียที่ดูจะมีนัยยะสำคัญ เช่น ข้อความ “THAILAND ATTACKS FIRST CAMBODIA DEFENDS” พร้อมภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ ซึ่งยิ่งทำให้สถานการณ์ดูคล้ายกับการแทรกซึมเพื่อปฏิบัติภารกิจลับทางทหาร

 

คำรับสารภาพที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม

หลังจากนั้นไม่นาน รายงานข่าวระบุว่า นายเดิม เดือน ได้ให้การสารภาพว่าเป็นนายทหารข่าวกรองของกองทัพกัมพูชา มียศ "ร้อยโท" พร้อมหมายเลขประจำตัว 157625 โดยยอมรับว่าเข้ามาในประเทศไทยเพื่อสอดแนมความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย และส่งข้อมูลกลับไปยังต้นสังกัดในกัมพูชา

ข้อมูลดังกล่าวยิ่งตอกย้ำกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ รวมถึงนำไปสู่ความเคลื่อนไหวของฝ่ายความมั่นคงที่เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในเขตอำเภอโป่งน้ำร้อนและพื้นที่ใกล้เคียง

 

พลิกคดี! ตำรวจสอบสวนพบข้อเท็จจริงต่างไปจากที่คาด

ทว่าเรื่องราวกลับพลิกผัน เมื่อทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด และพบว่า ข้อมูลที่ได้รับในเบื้องต้นอาจเป็นการเข้าใจผิด

 

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี และกองกำกับการสืบสวนฯ ได้สืบสวนร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และฝ่ายข่าวกรองอย่างใกล้ชิด ซึ่งผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการกลับพบว่า นายเดิม เดือน มิได้เป็นทหาร หรือสายลับตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด

นายเดิม เดือน ให้ข้อมูลว่า อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี โดยประกอบอาชีพรับจ้างทำสวนผลไม้ในพื้นที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี มีภรรยาและบุตรสัญชาติกัมพูชา และสามารถพูดฟังภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว

จากการตรวจค้นบ้านพัก พบว่าเครื่องแบบทหารและเครื่องหมายยศร้อยโทที่มีอยู่ในครอบครองนั้น มาจากการสั่งซื้อผ่านร้านค้าออนไลน์ในกัมพูชา โดยอาศัยเฟซบุ๊กชื่อ "Khan Sopheach" ในการสั่งซื้อ โดยสั่งซื้อครั้งสุดท้ายตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งเป็นระยะเวลาหลายปีมาแล้ว

 

เขายังยืนยันว่า ตนมีความชื่นชอบในเครื่องแบบของทหารกัมพูชาเป็นการส่วนตัว และเคยมีความใฝ่ฝันอยากเป็นทหาร แต่เนื่องจากไม่มีโอกาสเรียนหนังสือจึงไม่สามารถสมัครเข้าเป็นทหารได้ ความหลงใหลนี้เองที่เป็นเหตุให้เขาสะสมชุดทหารไว้หลายชุดและชอบถ่ายรูปโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย

 

ผลตรวจสอบมือถือและพฤติกรรมบนโลกออนไลน์

ด้านการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญ พบว่ามีการถ่ายภาพตนเองในชุดเครื่องแบบทหารกัมพูชาหลายภาพ และมีการโพสต์เกี่ยวกับสถานการณ์ข่าวสารในประเทศ แต่ไม่ได้พบหลักฐานใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า เขาได้ส่งข้อมูลพิกัดสถานที่สำคัญ หรือข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์ให้กับบุคคลภายนอก หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงของกัมพูชา

ซึ่งสรุปได้ว่า ข้อมูลบนมือถือไม่ได้มีเนื้อหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด

 

บทเรียนสำคัญ: เมื่อการตีความผิดพลาดอาจนำไปสู่ความเข้าใจคลาดเคลื่อน

คดีของ “นายเดิม เดือน” กลายเป็นกรณีศึกษาอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า ความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดน และความหวาดระแวงในด้านความมั่นคง อาจทำให้เกิดการตีความพฤติกรรมของประชาชนธรรมดาอย่างผิดพลาด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศยังอยู่ในภาวะเปราะบาง

 

แม้ว่าการระมัดระวังในเรื่องความมั่นคงจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่การกลั่นกรองข้อมูล การสืบสวนอย่างรอบคอบ และการให้ความสำคัญกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ก็เป็นหัวใจสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดการกล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริง จนอาจกระทบต่อชื่อเสียงและสิทธิมนุษยชนของผู้บริสุทธิ์

บทสรุป: จากสายลับในข่าวลือ สู่ชายธรรมดาผู้รักเครื่องแบบ

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ชี้ให้เห็นว่า "MR. OEUN KHOEM" หรือ "นายเดิม เดือน" ไม่ใช่สายลับ ไม่ใช่นายทหาร และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจทางทหารใดๆ ของประเทศกัมพูชา หากแต่เป็นชายชาวกัมพูชาธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีความหลงใหลในเครื่องแบบทหาร และมีความฝันที่ไม่อาจเป็นจริงได้ จึงแสดงออกผ่านการสะสมเครื่องแบบและการถ่ายภาพเท่านั้น

ในท้ายที่สุด เจ้าหน้าที่ได้มีการปล่อยตัวเขาไปโดยไม่มีการดำเนินคดี และมีการแถลงข่าวอย่างชัดเจนจากตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรีเพื่อคลายข้อสงสัยของสังคม

 

 

 

 

เนื้อหาโดย: bbb1236555
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
bbb1236555's profile


โพสท์โดย: bbb1236555
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: หัวหน้าแก๊งแมวน้ำ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ คำสั่งศาลให้ นักแสดงรุ่นใหญ่ “มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช” ผู้จัดดัง เป็นคนไร้ความสามารถปราสาท ตาควายยังตึงเครียดอย่างต่อเนื่องหลังจากมีรายงานว่าทหารเขมรเข้าประจำการกว่า 3,000 นายซุกซ่อนอาวุธหนักไว้สถานการณ์ชายแดนลาว-กัมพูชา ร้อนระอุสุดๆ เพราะมีกระแสข่าวว่า (เขมร) กำลังย้ายหลักหมุดเขตแดนบริเวณชายแดนลาวแบบเงียบๆ จี้รบ.ส่งทหารคุมชายแดน"แก๊งนางฟ้า" แตกแล้ว! แห่รีโพสต์ "เจนี่" คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับตัว..ด้าน "แอน" ฟาดยับ! เห็นแก่ตัวมิสปาเลสไตน์แต่งงานแล้ว และ มีลูกกับลูกชายของ "มารวัน บาร์กูตี" ผู้ก่อการร้ายฟาตาห์ "กฎ 30 นาที" ที่ทุกคนควรรู้ เมื่อเอาไข่ออกจากตู้เย็นไทยจะสงบเมื่อไหร่ หมด"ฮุน เซน" ก็ยังมี "สม รังสี"สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจ หากมีการเลือกตั้งวันนี้พรรคใดจะได้อันดับ 1"โก๊ะตี๋-ใบมิ้นต์" โชว์หวานรอบใหม่กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงกรณีปรากฏคลิปวิดีโอทหารกัมพูชาขนลวดหนามหีบเพลงออกจากพื้นที่ชายแดนด่วน กองทัพไทยงัดหลักฐานเชิงประจักษ์ พบทุ่นระเบิด PMN-2 ถูก ฝังใหม่ ในเขตไทยจริง พร้อมโชว์ภาพทหารกัมพูชาถือพิกัด GPS ชัดเจน ลั่นไม่ยอมให้ใครบิดเบือนความจริง ชายแดนศรีสะเกษเดือด "ฮุนเซน" อับอายเห็นธงชาติไทยปลิวบนภูมะเขือ วางแผนตี "ภูมะเขือ"คืน ส่งรถถัง 10 คัน รอบพื้นที่ภูมะเขือ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"โก๊ะตี๋-ใบมิ้นต์" โชว์หวานรอบใหม่"แก๊งนางฟ้า" แตกแล้ว! แห่รีโพสต์ "เจนี่" คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับตัว..ด้าน "แอน" ฟาดยับ! เห็นแก่ตัวอดีตนายกแพทองธาร นำพวงมาลัยดอกมะลิกราบบิดาหลังพึ่งผ่าน วันเกิดมารดาเด็กเกาหลีจุดไฟเผาบ้านหลังพ่อแม่ไม่ซื้อมือถือให้เกาะฟูก๊วก…เคยเป็นของกัมพูชาจริงไหม? มาย้อนดูประวัติที่หลายคนอาจไม่เคยรู้!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
เปิด เส้นทางบันเทิงของโบว์ เมลดา สุศรี"โก๊ะตี๋-ใบมิ้นต์" โชว์หวานรอบใหม่อดีตนายกแพทองธาร นำพวงมาลัยดอกมะลิกราบบิดาหลังพึ่งผ่าน วันเกิดมารดาเด็กเกาหลีจุดไฟเผาบ้านหลังพ่อแม่ไม่ซื้อมือถือให้
ตั้งกระทู้ใหม่