โฆษกตัวแม่ชนกัน! แพรี่ ไพรวัลย์ เทียบชั้นมาลี ฝั่งเขมร งานนี้ใครรอด ใครร่วง?
"แพรรี่ ไพรวัลย์" ปล่อยหมัดเด็ดโพสต์เทียบ "มาลี โสเจียตา" โฆษกกลาโหมกัมพูชา ขำกันลั่นโซเชียล! – พลโทหญิงจากเมืองทิพย์ ที่ข่าวกรองไม่ทิพย์
โลกโซเชียลต้องสะเทือนเมื่อ “แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร” นักคิด นักพูด นักสื่อสารในตำนาน และไอดอลของโลกออนไลน์ โพสต์ภาพตัวเองเทียบกับ “พลโทหญิง มาลี โสเจียตา” โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา พร้อมแคปชั่นสุดแสบที่เรียกเสียงหัวเราะจากแฟนคลับและผู้ติดตามได้ถล่มทลาย
“พลโทหญิงแพรรี่ สังกัดหน่วยข่าวกรองแห่งเมืองทิพย์ ถึงจะอยู่เมืองทิพย์แต่ข่าวกรองไม่ทิพย์” – แพรรี่ ไพรวัลย์
แค่นี้ก็เรียกเสียงฮาทั้งประเทศได้แล้ว แต่อย่าเพิ่งคิดว่าโพสต์นี้มีแค่ความตลก เพราะเบื้องหลังอารมณ์ขันของแพรรี่ ยังซ่อนการเสียดสี การวิพากษ์ และความคมคายทางการเมืองที่ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในเสียงสำคัญของยุคนี้อย่างแท้จริง
โพสต์เดียวสะเทือนทั้งโซเชียล
หลังจากภาพและข้อความดังกล่าวถูกโพสต์ลงบน Facebook ส่วนตัวของแพรรี่ ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง โพสต์ดังกล่าวมียอดไลก์ทะลุหลักแสน คอมเมนต์ร่วมหมื่น และแชร์กันกระหน่ำในหลากหลายแพลตฟอร์ม ทั้ง TikTok, Instagram และ X (Twitter เดิม)
แฟนคลับหลายคนเข้ามาคอมเมนต์กันอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็น:
“นี่มันพลโทหญิงแห่งใจประชาชน”
“ข่าวกรองเมืองทิพย์นี่แม่นกว่าข่าวจริงบางเจ้าอีก”
“กัมพูชาไม่ต้องกลัวไทย...แต่ต้องกลัวแพรรี่!”
ย้อนบริบท: มาลี โสเจียตา คือใคร? ทำไมถึงตกเป็นเป้าแซว?
สำหรับใครที่อาจไม่ติดตามข่าวการเมืองต่างประเทศมากนัก “พลโทหญิง มาลี โสเจียตา” คือโฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ที่เพิ่งเป็นข่าวใหญ่เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา หลังออกแถลงข่าวกล่าวหาประเทศไทยว่าใช้อาวุธเคมีโจมตีในพื้นที่ชายแดน ทำให้ประชาชนกัมพูชากว่า 134,707 คน ต้องอพยพออกจากถิ่นฐาน และโรงเรียนกว่า 600 แห่งต้องปิดการเรียนการสอน
แต่ข้อกล่าวหาดังกล่าวถูก “ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด” โดยฝั่งไทย โดยเฉพาะจากโฆษกกองทัพไทย ซึ่งระบุว่า ข้อกล่าวหานี้ “ไม่มีมูลความจริง” และถือเป็นการ “บิดเบือนข้อมูล” เพื่อสร้างความชอบธรรมทางยุทธศาสตร์ให้กัมพูชา
จากสถานการณ์ตึงเครียดนี้เอง ทำให้ “มาลี โสเจียตา” กลายเป็นบุคคลสาธารณะที่ถูกจับตามองทั้งในด้านการเมืองระหว่างประเทศ และในโลกออนไลน์
และนั่นคือสิ่งที่แพรรี่หยิบมาเล่น ด้วยมุมมองเฉียบแหลมตามสไตล์ของเธอ
"พลโทหญิงแพรรี่" กับสไตล์เมืองทิพย์
การเรียกตัวเองว่า “พลโทหญิงแพรรี่ สังกัดหน่วยข่าวกรองแห่งเมืองทิพย์” นั้น เป็นทั้งการล้อเลียน (satire) และการเสียดสี (parody) ในเวลาเดียวกัน
“เมืองทิพย์” คือศัพท์อินเทอร์เน็ตที่หมายถึงสิ่งที่ไม่ได้มีอยู่จริงแต่ถูกสร้างขึ้นมาในจินตนาการ
“ข่าวกรองไม่ทิพย์” หมายถึง แม้จะเป็นบุคคลจากเมืองทิพย์ แต่สิ่งที่เธอพูดออกมากลับแม่นยำกว่าใคร
นี่คือการเล่นกับภาษาแบบมีชั้นเชิง ที่ไม่ใช่แค่เรียกเสียงหัวเราะ แต่ยังแฝงด้วย “การวิจารณ์อย่างมีศิลปะ” ตามสไตล์ของแพรรี่ที่หลายคนชื่นชอบ
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ "แพรรี่" พูดการเมือง – แต่ครั้งนี้ขำหนักกว่าเดิม
แพรรี่ ไพรวัลย์ ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเรื่องการเมือง สังคม และการเสียดสีเชิงสัญลักษณ์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอมักแสดงความเห็นในประเด็นสาธารณะผ่านไลฟ์สด โพสต์ข้อความ หรือแม้แต่เดินทางลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยตัวเอง
แต่ครั้งนี้ ด้วยสถานการณ์ตึงเครียดของชายแดนไทย-กัมพูชา และประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคง โพสต์ของแพรรี่จึงโดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะทำให้เรื่องเครียดกลายเป็นเรื่องเบา และทำให้คนทั่วไปได้เห็นอีกมุมหนึ่งของข่าวที่ไม่ใช่แค่ข้อเท็จจริง แต่รวมถึงอารมณ์ขัน
เสียงจากโซเชียล: “แพรรี่คือกระบอกเสียงที่ไม่ต้องมีอาวุธ”
เมื่อสื่อมวลชนยังไม่สามารถวิพากษ์ได้อย่างเสรี หรือข่าวบางอย่างอาจมีข้อจำกัดในการเสนอข้อมูล คนดังอย่างแพรรี่จึงกลายเป็นช่องทางสำคัญที่คนไทยจำนวนมากหันไปฟังความคิดเห็น
“แพรรี่คือผู้หญิงที่พูดทุกอย่างแทนใจเรา”
“พูดเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องขำได้ นี่แหละพลังของอินฟลูเอนเซอร์ในยุคนี้”
ความคิดเห็นลักษณะนี้ปรากฏให้เห็นมากมายในโพสต์ต้นฉบับของแพรรี่ และบนโพสต์แชร์ซ้ำตามแฟนเพจต่างๆ
หลายคนมองว่า โพสต์นี้ไม่ได้แค่ “เล่นมุก” แต่เป็นการส่งสัญญาณให้ประชาชนได้ตระหนักว่าข่าวสารใดควรเชื่อ ข่าวไหนควรตั้งคำถาม และความจริงควรได้รับการขยายจากหลายมุมมอง
นักวิชาการวิเคราะห์: “นี่คืออารมณ์ขันเชิงการเมืองที่ทรงพลัง”
รศ.ดร.วรภัทร ธนสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อและวาทกรรมจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า โพสต์ของแพรรี่สะท้อนอารมณ์ขันเชิงการเมืองที่มีพลังอย่างมากในยุคปัจจุบัน
“มันคือการแสดงจุดยืนโดยไม่ต้องพูดตรงๆ แต่คนอ่านเข้าใจหมดว่าเธอกำลังสื่อสารอะไร นี่คือการใช้มุกตลกเป็นเครื่องมือสะท้อนความจริงที่เจ็บปวดในทางการเมือง”
“เมื่อประชาชนขำเรื่องที่ควรซีเรียส นั่นแสดงถึงการตระหนักรู้ในระดับหนึ่ง และอาจสร้างแรงขับให้เกิดการตั้งคำถามต่อโครงสร้างที่ใหญ่กว่า”
สรุป: “เมืองทิพย์” ไม่ทิพย์ เมื่อ “แพรรี่” พูด
โพสต์สั้นๆ ของแพรรี่ ไพรวัลย์ กลายเป็นตัวจุดประกายให้ประชาชนทั้งขำ ทั้งตั้งคำถาม และทั้งมองเห็นเบื้องหลังของข่าวสารในโลกจริงมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ข่าวปลอม ข่าวบิดเบือน และสงครามข้อมูลกลายเป็นเครื่องมือของรัฐ
การที่บุคคลสาธารณะคนหนึ่งสามารถใช้พลังของอารมณ์ขันมาเปลี่ยนความตึงเครียดให้กลายเป็นบทสนทนาเชิงสร้างสรรค์ นับว่าเป็นเรื่องที่สังคมไทยควรให้ความสำคัญ และสนับสนุนให้เกิดขึ้นในวงกว้าง
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่กับแพรรี่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า...
“ข่าวกรองของพลโทหญิงแพรรี่ ไม่เคยทิพย์!”
















