งบทหารอยู่ไหน? กัน จอมพลัง ยอมพูดแล้ว หลังคนถามแรงจนเจ้าตัวต้องออกมาเคลียร์
“กัน จอมพลัง” เปิดใจผ่านเฟซบุ๊ก เล่าประสบการณ์ลุยแนวหน้าเกือบ 2 เดือน ย้ำไม่รอระบบ! ช่วยทหาร-ตำรวจชายแดนทันทีเมื่อของขาด
เมื่อสถานการณ์ตามแนวชายแดนทวีความตึงเครียดและสับสนจากภาวะความขัดแย้งระหว่างประเทศ สิ่งที่ตามมาคือความจำเป็นเร่งด่วนในเรื่องของการสนับสนุนกำลังพล ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอุปโภค บริโภค หรืออุปกรณ์สนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคง การทำงานของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจในพื้นที่ห่างไกลมักถูกขัดขวางด้วยข้อจำกัดของ “ระบบราชการ” ที่มีขั้นตอนซับซ้อน ทำให้การจัดส่งหรือเบิกจ่ายทรัพยากรต่างๆ ไม่ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
ในขณะที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าเหตุใดทหารหรือตำรวจถึงยังต้องพึ่งพาการบริจาคจากภาคประชาชน ล่าสุด “กัน จอมพลัง” นักเคลื่อนไหวทางสังคมชื่อดังและผู้มีบทบาทในการช่วยเหลือสังคมหลากหลายรูปแบบ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “กันจอมพลัง” เพื่ออธิบายมุมมองของเขา หลังใช้เวลากว่า 2 เดือน อยู่ในพื้นที่แนวหน้าของชายแดนไทย ซึ่งกำลังเป็นประเด็นร้อนในสถานการณ์ความมั่นคง
บางคนถาม “ทำไมต้องจัดหาให้?” – เพราะระบบไม่ทันสถานการณ์
กัน จอมพลัง ระบุว่า มีบางคนตั้งคำถามว่า “ทหาร-ตำรวจไม่มีงบประมาณหรอ? ถึงต้องจัดหาให้นุ่นนี่นั่น?” ซึ่งเขาตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “มีครับ” แต่ปัญหาคือของบางอย่างนั้นต้องการใช้งาน แบบเร่งด่วน ถ้ารอให้ผ่านระบบตามขั้นตอนราชการ อาจไม่ทันเวลา จึงจำเป็นที่เขาและแฟนคลับ (FC) ต้องเข้ามา ช่วยเสริมในสิ่งที่ขาดทันที
เขาย้ำว่าในหลายสถานการณ์ที่เขาได้เห็นกับตา การช่วยเหลือของภาคประชาชนสามารถทำให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ “มีของใช้ในเวลาที่ต้องใช้จริงๆ” และไม่ต้องรอให้กระบวนการจัดซื้อของระบบราชการที่มักล่าช้าเป็นตัวกำหนดเวลา
ประสบการณ์แนวหน้า: ลุย 20 ฐานทัพ เห็นของจริง เข้าใจปัญหา
กัน จอมพลัง เล่าว่า ตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือนที่ผ่านมา เขาได้ลงพื้นที่จริงในแนวชายแดน ซึ่งเป็นแนวหน้าในภารกิจสำคัญของประเทศ เขาไม่ได้อยู่เฉย แต่ได้ “คลุกคลีกับทั้งเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยและระดับผู้ใหญ่” จนเข้าใจทั้งมิติของการบริหารงาน ความขาดแคลนทรัพยากร และความเหน็ดเหนื่อยที่เจ้าหน้าที่ทุกนายต้องแบกรับ
เขาเปิดเผยว่า ตนเองได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนและสนับสนุน มากกว่า 20 ฐานทัพ โดยเฉพาะฐานที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงหรือเข้าถึงยาก ซึ่งมักจะไม่ได้รับความช่วยเหลือได้รวดเร็วเหมือนพื้นที่หลัก เขาไม่เพียงแค่ไปแจกของแล้วกลับ แต่ยัง “ได้เห็นปัญหาที่แท้จริง” ด้วยตาตัวเอง และพยายามหาทางแก้ไขในแต่ละจุด
ไม่ใช่แค่บริจาค แต่ลงมือทำจริง ลอง “แบกน้ำ 20 กิโล” เพื่อเข้าใจชีวิตแนวหน้า
สิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของกัน จอมพลัง คือเขา ไม่ใช่เพียงคนที่หยิบกล้องมาถ่ายตอนให้ของแล้วจากไป แต่เป็นคนที่ยอมลงไปอยู่หน้างาน และ “ลองใช้ชีวิตแบบเจ้าหน้าที่ชายแดนจริงๆ” แม้แต่การลอง “แบกน้ำหนัก 20 กิโลเมตร” ขึ้นเขาลงห้วยในสภาพอากาศร้อนชื้นและเส้นทางทุรกันดาร เพื่อให้เข้าใจว่า “น้องๆ ทหาร ตำรวจ” ต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนในแต่ละวัน
ประสบการณ์เช่นนี้เองที่ทำให้เขารู้ว่า ปัญหาหลายอย่างไม่สามารถรอการแก้ไขจากส่วนกลางได้ และการสนับสนุนโดยตรงในช่วงเวลาวิกฤตจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
“บางสิ่งที่ผมทำ ไม่เคยออกมาเล่าให้ใครฟัง เพราะไม่ได้ต้องการชื่อเสียง แค่อยากช่วยให้น้องๆ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แก้ปัญหาที่เขาต้องเจอทุกวัน” – กัน จอมพลัง
ปัญหาภาคสนามที่คนทั่วไปมองไม่เห็น
กัน จอมพลัง ระบุว่าจากที่เขาได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่หลายฐาน ได้รับรู้ถึง ปัญหาหลายด้านที่ไม่ได้รับการพูดถึงในข่าวหรือสื่อกระแสหลัก ไม่ว่าจะเป็น…
ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์เบื้องต้น
ขาดที่นอน หรือเครื่องกันหนาวในพื้นที่สูง
ขาดแคลนอาหารแห้งที่สามารถเก็บไว้ได้นาน
ความยากลำบากในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต้นสังกัด
ความเหนื่อยล้าทางกายและใจที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถแสดงออกได้
สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยที่ “ระบบราชการอาจมองข้าม” และภาคประชาชนต้องเข้ามามีบทบาทอย่างทันท่วงที
เสียงสะท้อนจากแนวหน้า: การช่วยเหลือที่สร้างกำลังใจ
การช่วยเหลือจากกัน จอมพลังและแฟนคลับของเขาไม่ได้หยุดอยู่ที่การบริจาคของใช้จำเป็น แต่ยัง สร้างกำลังใจ ให้กับเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ต้องทำงานในพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง บางคนระบุว่า “แค่รู้ว่ามีคนเห็นความลำบากของพวกเรา ก็เหมือนมีกำลังใจเพิ่มอีกมาก”
เมื่อความขาดแคลนเป็นเรื่องจริง การสนับสนุนที่รวดเร็วและตรงจุดจากคนในสังคมจึงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มส่วนที่ระบบราชการยังตามไม่ทัน
ข้อคิดและคำตอบสังคม: ไม่ได้แทนที่รัฐ แต่เสริมในเวลาที่จำเป็น
กัน จอมพลังเน้นย้ำว่า การที่เขาและภาคประชาชนเข้ามาช่วยเหลือในพื้นที่แนวหน้า ไม่ได้หมายความว่าจะมาตัดบทบาทหรือแทนที่ภาครัฐ แต่เป็นการ “เสริมกำลังในยามจำเป็น” เพราะในหลายกรณี สิ่งที่จำเป็นต้องใช้มีความเร่งด่วน หากรอขั้นตอนของราชการ อาจส่งผลกระทบต่อภารกิจหรือแม้กระทั่งความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
เขาสรุปไว้ชัดเจนว่า “เมื่อเห็นว่ามีของที่จำเป็นต้องใช้และไม่มีใครจัดหาให้ทัน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะนิ่งดูดาย”
บทสรุป: น้ำใจประชาชน เติมเต็มแนวหน้า สะท้อนความหวังและความเข้มแข็งของสังคม
บทบาทของ “กัน จอมพลัง” ในกรณีนี้ คือการ เป็นตัวแทนของพลเมืองที่เห็นความสำคัญของเจ้าหน้าที่แนวหน้า และพร้อมลงมือช่วยเหลืออย่างจริงจัง ซึ่งไม่เพียงเป็นเรื่องของ “การให้” เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความเข้าใจและเห็นใจในความลำบากของเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง
การที่คนธรรมดาหนึ่งคนสามารถช่วยเหลือฐานทัพแนวหน้าได้มากกว่า 20 แห่งภายในเวลาเพียง 2 เดือน เป็นบทพิสูจน์ว่า “น้ำใจ” และ “ความเข้าใจสถานการณ์” สามารถขับเคลื่อนสังคมได้จริง แม้ในยามที่ระบบอาจไม่ทันต่อความต้องการ
ในโลกที่เต็มไปด้วยความสับสนและความไม่แน่นอน บางครั้งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลกได้ ไม่ใช่เพียงแค่นโยบายหรือแผนแม่บทจากเบื้องบน แต่คือการ “ลงมือทำ” อย่างเข้าใจและจริงใจจากคนธรรมดาที่เชื่อในพลังของความช่วยเหลือ





















