ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 5 หารือกับ ผู้บัญชาการหน่วยป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราดของไทย
หลังจากที่รัฐบาลระหว่างไทยกับกัมพูชาได้เปิดทางไปปรึกษาหาลือเกี่ยวกับสถาณการณ์ตามเเนวชายเเดนไทย เนื่องจากทั้งสองประเทสได้มีการเปิดฉากสู้รบกันต่อเนื่องมาเป็นเวลา 5 วัน หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศหยุดยิง ซึ่งการปรึกษาหาลือในครั้งนี้ของสองประเทศมีขึ้นที่มาเลเซีย โดยมีผู้นำมาเลเซียเป็นคนกลางเจรจา ผลสรุปของการเจรจาออกมา เป็นไทยกับกัมพุชา จะมีการหยุดยิงทันที ในเวลา 24.00 น เเละจะให้ผู้ทำทางการทหารทั้งสองฝ่ายคุยกัน ล่าสุด
เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ (29 ก.ค.) พลโทเอก สัมอวน รองผู้บัญชาการทหารบกแห่งกองทัพภูมินทร์ และเป็นผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 5 ได้พบหารือกับพลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราดของไทย ที่สะพานเขตซอว์ ด่านชายแดนพรหม
เพื่อยืนยันสถานการณ์ความสงบตามแนวนโยบายหยุดยิงที่รัฐบาลทั้งสองประเทศเห็นชอบร่วมกัน พร้อมทั้งมีการจับมือกัน เต็มไปด้วยสัญญาณแห่งมิตรภาพ.
การพบปะครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ในระดับพื้นที่ โดยข้อตกลง 4 ข้อ
1. ทั้งสองฝ่ายได้หยุดยิง ตั่งแต่เที่ยงคืน ตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา
2. เราจะไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังและอาวุธจากที่ปัจจุบัน
3. หลังจากที่มีการประชุม GBC จะจัดให้มีการประชุม RBC ที่จังหวัดไพลิน
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดไพลินได้เตรียมการในเรื่องของสถานที่ไว้รองรับแล้วเรียบร้อย
4. เราจะมีการพูดคุยกันและพัฒนาความสัมพันธ์ เหมือนเดิมเนื่องจาก กปช.จต. และ ภท.5 มีความสัมพันธ์ตลอดมา
ลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความไว้วางใจ โดยทั้งสองฝ่ายได้จับมือบริเวณสะพานพรมแดน พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของการรักษาความร่วมมืออย่างต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ เรื่องการ ยุติการเสริมทัพ หยุดกระทำการใดใดที่เป็นการสุ่มเสี่ยง
นอกจากการพบปะโดยตรงแล้ว ช่วงเช้าวันเดียวกันเวลา 09.00 น. ยังมีการพูดคุยผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (VTC) ระหว่าง พลตรี ฮุย เอียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 กัมพูชา กับ ผบ.กปช.จต. สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่ายในการสร้างช่องทางการสื่อสารอย่างทันท่วงทีในสถานการณ์สำคัญ
การยืนยันหยุดยิงในครั้งนี้ไม่เพียงลดความขัดแย้งด้านความมั่นคง แต่ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการค้าชายแดนระหว่างจังหวัดจันทบุรีกับจังหวัดไพลิน ทั้งในด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุน การค้าขาย และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอำเภอโป่งน้ำร้อน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนที่สำคัญ
ผู้นำทหารทั้งสองประเทศยังได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างสันติภาพที่มั่นคง และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนชายแดน ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันภูมิภาคนี้ไปสู่อนาคตที่สดใสและมั่นคงยิ่งขึ้น.
นั้งนี้ ไทยและกัมพูชาจะนัดหารือกันต่อไปในวันที่ 4 สิงหาคม 2568



















