24.00 น. ที่โลกหยุดหายใจ ไทย-กัมพูชา จับมือหยุดยิง ภาพประวัติศาสตร์ที่คนไทยไม่มีวันลืม
สวัสดีครับพี่น้องชาวไทยทุกคน! เมื่อคืนนี้ใครนอนดึกเหมือนผมบ้าง? บอกเลยว่าเป็นคืนที่ผมไม่มีทางลืมไปตลอดชีวิต เพราะมันคือช่วงเวลาที่ผมได้เห็น "ความหวัง" กลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางวิกฤตการณ์ที่หลายคนกลัวว่าจะลุกลามใหญ่โต กลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ
ใช่ครับ ผมกำลังพูดถึง ข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่มีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป!
หลังจากหลายเดือนที่ผ่านมา ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชามันสะสมหนักขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เริ่มมีเหตุปะทะเล็กๆ ที่ช่องบก จ.อุบลฯ จนบานปลายเป็นเรื่องระดับประเทศ บอกเลยครับ...ตอนนั้นหลายคนใจหาย ไม่คิดว่าจะได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้ในชีวิตจริง
จำได้ไหมครับ วันที่ 18 มิ.ย. ตอนบทสนทนาระหว่าง "ฮุน เซน - แพทองธาร" หลุดว่อนเน็ต บอกเลยว่าจุดไฟทันที! ความเครียดมันยิ่งพุ่ง แล้วก็ยิ่งรุนแรงเข้าไปอีก หลังทหารไทยไปเหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 ที่ช่องบก...ขาขาดครับพี่น้อง!
พอถึง 23 ก.ค. ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา...เดือดปุดๆ เลย ทหารเจ็บเพิ่ม เอกอัครราชทูตโดนเรียกกลับ ขับไล่กันไปมา ปิดด่าน ปิดปราสาท! นี่มันเกมการเมืองระดับชาติแล้วครับ
ใครจะไปคิดว่าพอเข้าสู่วันที่ 24-25 ก.ค. จะถึงจุดที่ “ปะทะกันหนัก” อีกครั้งแถวชายแดน บอกตามตรง...ผมนั่งดูข่าวแล้วจุกครับ น้ำตาจะไหล
แต่แล้ว...แสงสว่างปลายอุโมงค์ก็มาถึง!
วันที่ 26 ก.ค. บิ๊กทรัมป์—ใช่ครับ โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวพ่อแห่งการเมืองสหรัฐฯ ยกหูโทรหาผู้นำทั้งสองฝั่งทันที พร้อมขู่แบบไม่ไว้หน้า “ถ้ายังไม่หยุด จะไม่เจรจาการค้ากับพวกเอ็งนะเว้ย!” เอ้าาาา แรงมั้ยล่ะครับพี่น้อง!
ต่อมาวันที่ 27 ก.ค. มาเลเซียเปิดเผยว่า กำลังพยายามดึงไทยกับเขมรขึ้นโต๊ะเจรจา โดยมีสหรัฐฯ กับจีนมาร่วมด้วย คือไม่ธรรมดานะครับ นี่มันเวทีโลกของจริง
และที่สุดของที่สุดก็คือวันที่ 28 ก.ค. เวทีประวัติศาสตร์เกิดขึ้นที่เมืองปุตราจายา มาเลเซีย!
ภาพที่ผมจำไม่ลืมก็คือ "ภูมิธรรม เวชยชัย" จับมือกับ "ฮุน มาเนต" โดยมี "อันวาร์ อิบราฮิม" นายกฯ มาเลย์ ยืนตรงกลาง แม่เจ้าโว้ย! ภาพนี้มันสะเทือนหัวใจคนไทยทั้งประเทศ
ใครจะเชื่อครับว่า สงครามที่กำลังลุกโชน จะดับได้ด้วยการเจรจาเพียงไม่กี่ชั่วโมง และมีผลทันทีตอน เที่ยงคืนเป๊ะๆ
มันคือภาพแห่ง “ชัยชนะของสติ” เหนือ “อารมณ์โกรธ”
มันคือ “เสียงของประชาชน” ที่ตะโกนเงียบๆ ว่า “พอได้แล้ว!”
และวันนี้ (29 ก.ค.) การขยับตัวของทั้งสองประเทศก็ยังต่อเนื่อง มีประชุมแม่ทัพภาคกันเบาๆ ยังไม่เป็นทางการ เตรียมลุย GBC วันที่ 4 ส.ค. มีผู้สังเกตการณ์จากอาเซียนลงพื้นที่ และเริ่มเปิดการสื่อสารตรงระหว่างนายกฯ รัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีกลาโหมกันเลยครับ
พูดแบบภาษาชาวบ้านก็คือ “เอาจริงแล้วล่ะพี่น้อง”
ความหวังมันกลับมาแล้วครับ
สุดท้ายนี้ ผมขอชูนิ้วโป้งให้กับทุกฝ่ายที่มีส่วนช่วยกันหยุดยั้งความรุนแรงครั้งนี้ไว้ได้ ขอชื่นชมอันวาร์ นายกฯ มาเลเซีย ที่กล้าก้าวขึ้นมาเป็นตัวกลางอย่างกล้าหาญ ขอบคุณสหรัฐฯ และจีน ที่ร่วมกดดันในแบบที่คนทั้งโลกจับตา
และเหนือสิ่งอื่นใด...ขอบคุณ “ทหารไทยทุกนาย” ที่ยืนหยัดปกป้องแผ่นดินมาตลอด และคนไทยทุกคนที่ไม่เคยหยุดส่งกำลังใจ
คืนนี้...ผมนอนหลับเต็มตา
ด้วยใจที่โล่ง
และด้วยความภูมิใจที่ยังได้เกิดเป็น “คนไทย
อ้างอิงจาก: coffeeman






















