กัมพูชาปิดไม่อยู่! คลิปศพล้นวัด-ชาวเน็ตแห่แชร์สูญเสียแนวหน้า ขณะโฆษกรัฐโทษไทยใช้ไข่ยักษ์-โดรนสังหาร
“กัมพูชาปิดไม่อยู่! คลิปศพล้นวัด-ชาวเน็ตแห่แชร์สูญเสียแนวหน้า ขณะโฆษกรัฐโทษไทยใช้ไข่ยักษ์-โดรนสังหาร”
วันที่ 28 กรกฎาคม 2025 – สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงตึงเครียด และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อโซเชียลมีเดียในกัมพูชาเริ่มเผยแพร่ภาพและคลิปสะเทือนใจ แสดงให้เห็นภาพศพของทหารกัมพูชาจำนวนมากวางเรียงรายในวัดแห่งหนึ่ง สะท้อนความสูญเสียที่กำลังเกิดขึ้นในแนวหน้าของฝั่งกัมพูชาอย่างรุนแรง
แม้รัฐบาลกัมพูชาจะพยายามควบคุมข่าวสารอย่างเข้มงวด แต่ก็ไม่อาจปิดกั้นความจริงจากสายตาประชาชนได้ ภาพและคลิปจากประชาชนในพื้นที่ต่างแห่แชร์กันว่อนโซเชียล โดยระบุว่าเป็น “ศพลูกหลานในแนวหน้า” ที่ต้องสละชีวิตจากการปะทะบริเวณชายแดนด้านตะวันตก ซึ่งมีการรายงานว่าเกิดขึ้นถี่ขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งไทยได้รายงานว่ามีการส่งมอบศพทหารกัมพูชาอีก 12 รายกลับคืนให้ฝั่งกัมพูชาในช่วงเช้าวันเดียวกัน ภายใต้ช่องทางมนุษยธรรมในพื้นที่ชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า
ท่าทีจากรัฐบาลกัมพูชาก็ไม่ชัดเจนมากนัก โดย นางสาวมาลี โสเชียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้แถลงต่อสื่อมวลชนในกรุงพนมเปญ โดยระบุว่า
> “กองทัพไทยได้ใช้อาวุธต้องห้ามและเทคโนโลยีรบที่ผิดหลักมนุษยธรรม ทั้งแก๊สพิษ เครื่องบินขับไล่ที่ปล่อย ‘ไข่ยักษ์’ (หมายถึงระเบิดแรงสูง) ระเบิดลูกปราย และโดรนสังหาร เพื่อโจมตีทหารของเราในแนวหน้า”
ถ้อยแถลงดังกล่าวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในประเทศและนานาชาติ บางฝ่ายมองว่าเป็นความพยายามของรัฐบาลกัมพูชาในการเบี่ยงเบนความสนใจจากข้อเท็จจริงในสนามรบและการสูญเสียที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โซเชียลมีเดียในกัมพูชายังคงเต็มไปด้วยโพสต์จากครอบครัวผู้สูญเสีย หลายรายโพสต์ภาพลูกชาย สามี หรือพี่ชายในเครื่องแบบ พร้อมข้อความไว้อาลัย และคำถามต่อรัฐบาลว่า “ทำไมลูกเราต้องตาย” หรือ “แนวหน้าจริง ๆ มีอะไรซ่อนอยู่?”
การเผยแพร่ภาพศพล้นวัด กลายเป็นกระแสที่แม้แต่รัฐบาลกัมพูชาเองก็ยากจะควบคุม โดยมีรายงานว่ามีการสั่งปิดบัญชีผู้ใช้บางรายที่โพสต์เนื้อหาเชิงตั้งคำถามต่อการตัดสินใจของรัฐบาล
สถานการณ์ครั้งนี้ตอกย้ำถึงแรงกดดันภายในกัมพูชา ที่ไม่เพียงแต่ต้องรับมือกับความสูญเสียทางทหาร แต่ยังต้องเผชิญกับเสียงวิจารณ์ที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ จากประชาชนของตนเอง ในขณะที่ชายแดนยังคงลุกเป็นไฟ






















