เหตุอื้อฉาวในจีน เด็กอนุบาล 233 คน พบสารตะกั่วในเลือดเกินมาตรฐาน – สืบพบต้นตอจากขนมอบภายในโรงเรียน
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เว็บไซต์ข่าว CTWANT รายงานเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจอย่างยิ่งในสังคมจีนและวงการการศึกษาทั่วโลก โดยพบเด็กอนุบาลจำนวน 233 คน จากทั้งหมด 251 คน ของโรงเรียนอนุบาลเผยซิน (เมืองเทียนสุ่ย มณฑลกานซู่) มีระดับสารตะกั่วในกระแสเลือดเกินค่ามาตรฐานอย่างร้ายแรง หลังรับประทานขนมอบที่จัดเตรียมโดยทางโรงเรียน
การสอบสวนโดยคณะกรรมการสอบสวนร่วมของเมืองเทียนสุ่ย ได้ข้อสรุปว่า ขนมดังกล่าวมีการใช้ สีผสมอาหารที่ไม่ได้มาตรฐานและมีคำเตือนว่าห้ามรับประทาน ซึ่งสั่งซื้อมาจากร้านค้าออนไลน์ เพื่อหวังลดต้นทุนในการผลิตอาหารภายในโรงเรียน ข้อเท็จจริงดังกล่าวนำไปสู่การจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 10 ราย รวมถึงนักลงทุนและครูใหญ่ของโรงเรียน ซึ่งเป็นผู้อนุมัติและมีคำสั่งให้พนักงานครัวดำเนินการผสมสีต้องห้ามลงในขนมที่จัดให้เด็ก ๆ บริโภคเป็นประจำ
รายละเอียดของขนมที่มีการปนเปื้อน
หน่วยงานความมั่นคงสาธารณะได้นำตัวอย่างขนมจากทางโรงเรียนมาตรวจสอบ ได้แก่:
ขนมเค้กพุทราจีนสามสี
ซาลาเปารูปข้าวโพดห่อไส้กรอก
ผลการตรวจวิเคราะห์พบว่า มีค่าตะกั่วเกินกว่ามาตรฐานความปลอดภัยในอาหารทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายด้านอาหารและสุขภาพอย่างร้ายแรง
จากข้อมูลเพิ่มเติม โรงเรียนอนุบาลเผยซินจัดตั้งขึ้นในฐานะโรงเรียนอนุบาลเอกชน โดยได้รับใบอนุญาตดำเนินกิจการเมื่อปี 2565 และเพิ่งเริ่มเปิดรับนักเรียนอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม 2567 ปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนรวมทั้งสิ้น 251 คน
หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว หน่วยงานด้านสาธารณสุขทั้งในระดับเมืองและระดับมณฑล รวมถึงศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ (CDC ของจีน) ได้ส่งคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่โรงเรียนทันที เพื่อให้การดูแลรักษานักเรียน รวมถึงวางแนวทางการฟื้นฟูสุขภาพในระยะยาว
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสร้างความวิตกแก่ผู้ปกครองของนักเรียนเท่านั้น หากแต่ยังทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความไม่เชื่อมั่นต่อระบบความปลอดภัยด้านอาหารภายในสถานศึกษาของเอกชน ซึ่งควรมีมาตรการตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในสถานศึกษาที่ให้บริการแก่เด็กเล็ก ซึ่งมีความอ่อนไหวทางร่างกายมากกว่าผู้ใหญ่
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินคดีอาญากับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในความผิดฐานประมาทเลินเล่อจนก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้อื่น และฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยด้านอาหาร ทั้งนี้ ทางการยังคงเฝ้าติดตามอาการของเด็กผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และมีแผนฟื้นฟูด้านร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่อง
บทสรุป
เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า ความประมาทและความมุ่งหวังกำไรโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค อาจก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงเกินกว่าที่คาดคิด โดยเฉพาะเมื่อผู้ได้รับผลกระทบคือเด็กในวัยอนุบาล ซึ่งยากจะปกป้องตนเองได้
จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ ผู้บริหารสถานศึกษา และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการทบทวนมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารและระบบควบคุมภายในโรงเรียนอย่างเร่งด่วน เพื่อมิให้เกิดเหตุซ้ำรอยในอนาคตอีก

















