พิษงูเห่าไม่ปราณี ผู้เลี้ยงงูมากประสบการณ์เกือบเอาชีวิตไม่รอด หลังถูกงูกัดและพึ่งสมุนไพรผิดวิธี
ความเชื่อที่ว่า "เลี้ยงงูแล้วจะไม่กลัวพิษงู" นั้นเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ ดังที่กรณีของเกษตรกรผู้เลี้ยงงูเห่าในกว่างซี ประเทศจีน ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ชายผู้นี้มีประสบการณ์ในการเลี้ยงงูมานานกว่าสิบปี แต่กลับถูกงูเห่าที่เลี้ยงไว้กัดเข้าที่ข้อมือซ้าย ทำให้เกิดอาการวิงเวียนและข้อมือบวม ด้วยความมั่นใจในประสบการณ์ของตนเอง เขาจึงตัดสินใจใช้ยาสมุนไพรพื้นบ้านประคบภายนอก แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเลวร้ายลงกว่าเดิม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่อำเภอฝูซุย เมืองฉงจั่ว กว่างซี นายหวง เกษตรกรผู้เลี้ยงงูเห่าที่มีประสบการณ์กว่าสิบปี ถูกงูเห่าขนาดเล็กหนัก 0.5 กิโลกรัม กัดเข้าที่ข้อมือซ้ายขณะกำลังจัดการกับกล่องเลี้ยงงู หลังถูกกัด นายหวงมีอาการวิงเวียนและข้อมือบวม แต่ด้วยความเคยชินกับการถูกงูเห่ากัดมาก่อน เขาจึงหาซื้อยาสมุนไพรมาประคบเอง แต่ทว่าวันรุ่งขึ้นอาการวิงเวียนกลับแย่ลง และอาการบวมก็ลามจากข้อมือไปยังแขนทั้งหมด แขนของเขากลายเป็นสีแดง บวมร้อน และปวดอย่างรุนแรง ในที่สุดเขาจึงต้องรีบไปโรงพยาบาลรุ่ยคังในเครือมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนกว่างซีเพื่อเข้ารับการรักษาฉุกเฉิน
แพทย์ตรวจพบว่าบาดแผลของนายหวงมีการแตกและรุนแรงมาก จึงรีบฉีดเซรุ่มต้านพิษงูเห่าทันที และรับตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลา 1 สัปดาห์ แม้ว่านายหวงจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่บาดแผลก็ยังไม่หายสนิท และยังต้องกลับมาพบแพทย์เพื่อติดตามอาการต่อไป
นายแพทย์หนง เฉาเล่ย แพทย์ประจำแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอธิบายว่า พิษงูเห่าร้ายแรงสามารถนำไปสู่ภาวะติดเชื้อช็อก ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สาเหตุที่นายหวงสามารถทนอยู่ได้นานถึงหนึ่งวันก่อนที่จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากเขาถูกงูเห่าขนาดเล็กกัด บาดแผลจึงตื้นและปริมาณพิษที่ปล่อยออกมาไม่มากนัก นอกจากนี้ตำแหน่งที่ถูกกัดยังอยู่บริเวณปลายข้อมือ ปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้พิษแพร่กระจายได้ช้าลง
แพทย์เตือนประชาชนว่า หากถูกงูพิษกัด จะต้องรีบไปพบแพทย์ทันที อย่าพยายามรักษาด้วยตัวเองอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า และควรระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่งูพิษออกหากินมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อเข้าใกล้พุ่มไม้หรือแหล่งน้ำ








