โศกนาฏกรรม "ชื่อพ้อง" พ่อเลี้ยงเดี่ยวถูกสังหารเพราะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาชญากรคดีเด็ก
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารหลั่งไหลไร้ขีดจำกัด การตรวจสอบความถูกต้องกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเพียงความเข้าใจผิดเพียงเล็กน้อย อาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ไม่อาจย้อนคืน ดังเช่นกรณีสุดสะเทือนใจที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ เมื่อคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวรายหนึ่งต้องจบชีวิตลงอย่างอนาถ เพียงเพราะถูกเพื่อนร่วมมือกันสังหาร หลังเข้าใจผิดว่าเป็นอาชญากรคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็ก เพียงเพราะ "ชื่อพ้อง" กัน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2024 นายไมเคิล วีลเลอร์ (Michael Wheeler) คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยววัย 37 ปี ถูกสังหารโดยเพื่อนสองคนคือ นายมาร์ก โรเบิร์ตส์ (Mark Roberts) และ นายเดวิด การ์แลนด์ (David Garland) เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อโรเบิร์ตส์และกาแลนด์ไปอ่านพบบทความข่าวออนไลน์เกี่ยวกับชายชื่อ "ไมเคิล วีลเลอร์" ที่ถูกตัดสินจำคุกในปี 2003 ในข้อหาล่อลวงและล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงวัย 13 ปีสองคน ทั้งที่รู้จักกับไมเคิล วีลเลอร์ตัวจริงเป็นอย่างดี แต่ทั้งสองกลับตัดสินใจโดยพลการว่าชายในข่าวคือเพื่อนของพวกเขาเอง โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงใดๆ
ไมเคิล วีลเลอร์ถูกทำร้ายอย่างรุนแรงจนเสียชีวิตที่อพาร์ตเมนต์ของโรเบิร์ตส์ ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายจุด ทั้งกะโหลกศีรษะ ใบหน้า และกระดูกหักถึง 11 แห่งทั่วร่างกาย หลังจากการสังหาร ทั้งสองได้นำศพของวีลเลอร์ไปทิ้งไว้ในรถบ้านร้างที่ทุ่งนาแห่งหนึ่ง ซึ่งกว่าที่เจ้าหน้าที่จะได้รับแจ้งความคนหายและเริ่มทำการสืบสวนก็ล่วงเลยไปกว่า 3 สัปดาห์ และพบศพของวีลเลอร์ในเวลาต่อมา
ศาลสูงบริสตอลได้พิจารณาคดีนี้ โดยคณะลูกขุนได้ตัดสินว่าโรเบิร์ตส์และกาแลนด์มีความผิดในข้อหาฆ่าผู้อื่น และสมคบกันฆ่าผู้อื่น ส่วนกาแลนด์ยังยอมรับสารภาพในข้อหาขัดขวางการจัดการศพตามกฎหมายด้วย ขณะที่ผู้ต้องสงสัยอีกสามรายที่ถูกจับกุมคือ นายแจ็ค แรนซ์ (Jack Rance) นายแองกัส วอร์เนอร์ (Angus Warner) และนายรูเบ็น แคลร์ (Reuben Clare) ได้รับการตัดสินว่าไม่มีความผิด
ผู้กำกับสืบสวนคดีนี้กล่าวอย่างเจ็บปวดว่า "ฆาตกรตัดสินใจผิดพลาดว่าเขา (วีลเลอร์) ถูกจำคุกในปี 2003 ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ทั้งที่ในปีนั้นวีลเลอร์มีอายุเพียง 16 ปี" และยังคงสงสัยว่า "จำเลยไม่ได้ให้โอกาสวีลเลอร์ได้อธิบายเลย พวกเขาได้พรากชีวิตชายคนหนึ่งไป"
โศกนาฏกรรมครั้งนี้ไม่เพียงแต่พรากชีวิตชายผู้บริสุทธิ์ไปเท่านั้น แต่ยังทิ้งไว้ซึ่งความเจ็บปวดแก่ครอบครัวของเขาอีกด้วย มารดาของไมเคิล วีลเลอร์ ซึ่งป่วยด้วยโรคร้ายแรง ต้องเผชิญกับความเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้งจากการสูญเสียลูกชาย และได้เสียชีวิตลงก่อนที่คดีจะเข้าสู่การพิจารณาคดี ส่วนลูกสาววัยเยาว์ของวีลเลอร์ ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของอดีตภรรยาและน้องสาวของเขา
เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจให้เราตระหนักถึงอันตรายของการเชื่อข้อมูลที่ไม่ได้ตรวจสอบ และความสำคัญของการใช้ดุลยพินิจก่อนที่จะตัดสินผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลที่ข่าวสารสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วเพียงปลายนิ้วสัมผัส เพราะความเข้าใจผิดเพียงน้อยนิด อาจนำมาซึ่งความสูญเสียอันใหญ่หลวงและไม่อาจแก้ไขได้












