ดินแดนที่"ฮุนเซน"ไม่กล้าทวงคืน
เกาะฟู้โกว๊ก ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเวียดนาม และเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญ มีประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับทั้งสองประเทศมาอย่างยาวนาน
* ชาวกัมพูชาโดยเฉพาะกลุ่มชาตินิยม มองว่าเกาะฟู้โกว๊ก เคยเป็นดินแดนของกัมพูชาในอดีต พวกเขาเชื่อว่าเกาะนี้ถูกเวียดนาม "ยึด" ไปอย่างไม่ชอบธรรม หลังจากที่ฝรั่งเศสถอนตัวออกจากอินโดจีน
* เวียดนามยืนยันว่าเกาะฟู้โกว๊กเป็นส่วนหนึ่งของอธิปไตยของตนมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายและประวัติศาสตร์ และมีการกำหนดเขตแดนทางทะเลกับกัมพูชาไปแล้ว
ฮุน เซน มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเวียดนาม เนื่องจากเวียดนามสนับสนุนการโค่นล้มระบอบเขมรแดงในอดีต และแต่งตั้งให้ฮุน เซนเป็นรมต.กระทรวงต่างประเทศ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้ามาสู่วงการเมืองของ ฮุน เซน
การที่ฮุน เซนไมพูดถึงเกาะฟู้โกว๊กนั้นมาจาก
1. ในทางปฏิบัติ รัฐบาลกัมพูชาได้ยอมรับสถานะปัจจุบันของเกาะฟู้โกว๊กว่าที่ส่วนหนึ่งของเวียดนาม มีการลงนามในสนธิสัญญาและข้อตกลงเขตแดนกับเวียดนามไปแล้ว (ก็เหมือนไทยแพ้คดีเขาพระวิหารไปแล้วนั่นเอง)
2. รัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของฮุน เซน ให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเวียดนาม การรื้อฟื้นข้อพิพาทเรื่องดินแดนที่ เกาะฟู้โกว๊ก จะเป็นการสร้างความตึงเครียดและอาจบั่นทอนความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเสถียรภาพทางการเมืองในขณะนี้
3. แม้ว่ารัฐบาลจะไม่กล่าวถึงเรื่องเกาะฟู้โกว๊ก แต่ก็ยังคงเป็นกระแสในหมู่ประชาชนและกลุ่มชาตินิยมในกัมพูชา การที่ฮุน เซน หรือผู้นำรัฐบาลกัมพูชาคนใดกล่าวถึงประเด็นนี้ จะเป็นเหมือนการแกว่งน้ำให้ขุ่น จุดชนวนให้เกิดกระแสต่อต้านเวียดนาม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลฮุน มาเนต
ดังนั้น การที่ฮุน เซนเลือกที่จะ "ไม่พูดถึง" เกาะฟู้โกว๊ก จึงเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองที่มุ่งเน้นการรักษาความสัมพันธ์ที่จะต้องพึ่งพาในอนาคต เสถียรภาพภายในประเทศ และการยอมรับข้อตกลงระหว่างประเทศที่ได้ทำไปแล้ว










