สั่นสะเทือนชายแดน! แชร์ภาพทหารเขมรขอทาน หลังไทยปิดด่านจนขาดน้ำ-ไฟ-ข้าว-เน็ต
สะเทือนโซเชียล! คลิปทหารเขมรพนมมือ "ขอข้าว-ขอน้ำ" หลังไทยปิดด่านชายแดน ดราม่าระอุ ชาวเน็ตไทยเสียงแตก
กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลมีเดียขณะนี้ เมื่อเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง “ท่านเปา” ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2568 แสดงภาพของ ทหารกัมพูชา 2 นาย ที่ปรากฏตัวในลักษณะยืนพนมมือไหว้อย่างสุภาพ พร้อมพูดภาษากัมพูชาเพื่อ ร้องขอข้าวและน้ำดื่มจากประชาชน
ข้อความประกอบคลิประบุว่า
“เขมรอ่วม!! หลังไทยปิดด่าน ตัดการขนส่ง อาหาร น้ำมัน ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต... ทหารกัมพูชาอัดคลิป ขอทาน ขออาหารจากประชาชน”
คลิปนี้กลายเป็นไวรัลทันที ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงมียอดรับชมหลักแสนครั้ง และถูกแชร์ไปอย่างรวดเร็วในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, TikTok หรือ X (Twitter) เนื่องจากเนื้อหาในคลิปนั้นให้ภาพที่ไม่คุ้นตาสำหรับคนทั่วไป ทหารซึ่งปกติควรเป็นผู้รักษาความมั่นคง กลับยืนขอความช่วยเหลือด้วยท่าทีสุภาพอ่อนน้อม
สาเหตุเบื้องหลัง: ไทยสั่ง “ปิดด่าน” กระทบทั้งสองฝั่งชายแดน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ กองทัพภาคที่ 2 ของไทย ภายใต้การบัญชาการของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 มีคำสั่งให้ ปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป
คำสั่งปิดด่านครั้งนี้มีสาเหตุจากความกังวลเรื่องความมั่นคงและการเคลื่อนไหวของพลเรือนกัมพูชาที่ข้ามแดนเข้ามาในเขตไทยโดยไม่มีการควบคุม รวมถึงกรณีที่นักท่องเที่ยวกัมพูชารวมกลุ่มร้องเพลงและบันทึกวิดีโอบริเวณปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์
การปิดด่านส่งผลกระทบโดยตรงต่อชุมชนชายแดนฝั่งกัมพูชา เนื่องจากประชาชนในพื้นที่นี้ส่วนใหญ่พึ่งพาการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากไทย ทั้งอาหาร น้ำมัน ของใช้จำเป็น และแม้แต่บริการไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตจากฝั่งไทย
ภาพ “ทหารขออาหาร” สะท้อนความลำบาก หรือแผนปั่นกระแส?
เมื่อภาพของทหารกัมพูชาที่กำลังพนมมือขออาหารแพร่กระจายออกไป ชาวเน็ตไทยก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นนับร้อยนับพัน เสียงสะท้อนที่ได้มีทั้ง เห็นใจ และ ไม่ไว้ใจ โดยหลายคนมองว่า อาจเป็นการจัดฉาก หรือแผนการเรียกร้องความสงสารจากประชาคมโลก
ตัวอย่างคอมเมนต์จากชาวเน็ตไทยมีเช่น:
“อย่าไปเชื่อ เป็นแผนมันแน่ ๆ ทำเป็นยกมือไหว้ ไว้ใจไม่ได้”
“กลลวงแน่นอน ทหารประเทศไหนจะมายืนขอทานต่อหน้ากล้อง?”
“ขอร้องให้ผู้นำท่านหยุดได้แล้ว เลิกเล่นกับชีวิตประชาชน”
ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งกลับรู้สึก สงสารและเห็นใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของทหารในคลิปที่ดูจริงจังและไม่ได้แสดงท่าทีคุกคามแต่อย่างใด บางรายแสดงความเห็นว่า:
“ทหารเขาก็เป็นคน ไม่ใช่เครื่องจักร จะหิวก็ไม่แปลก”
“คนธรรมดาเจ็บก่อนเสมอ เรื่องของผู้นำ กลับมากระทบประชาชนกับทหารชั้นล่าง”
“อย่าลืมว่าเด็กรุ่นใหม่เขาก็ไม่ได้อยากทะเลาะกับใคร”
สงครามข่าวสารหรือความจนจริง? เมื่อภาพลักษณ์ถูกนำมาเล่นในยุคดิจิทัล
หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า เหตุใดทหารซึ่งเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงจึงเลือกวิธี “อัดคลิป” ร้องขออาหารแทนที่จะรายงานขอความช่วยเหลือผ่านช่องทางปกติ
นักวิเคราะห์ด้านสื่อบางคนมองว่า อาจเป็น สงครามข้อมูลข่าวสาร (Information Warfare) รูปแบบหนึ่ง ที่พยายามใช้ภาพความสงสารจากประชาชนมาเป็นเครื่องมือกดดันรัฐบาลไทยให้กลับมาเปิดด่านโดยเร็วที่สุด
ในอีกด้านหนึ่ง การตัดน้ำมัน อาหาร และพลังงานอย่างเฉียบพลัน ทำให้กลุ่มทหารประจำการที่อยู่แนวชายแดนขาดแคลนสิ่งจำเป็นจริง และอาจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากออกมาขอความช่วยเหลือผ่านสื่อสังคม
เมื่อ “ด่านปิด” กระทบเศรษฐกิจและศักดิ์ศรีระหว่างประเทศ
การปิดด่านระหว่างไทย-กัมพูชาไม่ใช่แค่เรื่องทหารหรือการเมืองเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือนในระดับรากหญ้า เพราะประชาชนชายแดนสองฝั่งพึ่งพากันและกันในหลายมิติ
ฝั่งไทย ได้ประโยชน์จากการจำหน่ายสินค้าให้ประชาชนกัมพูชา โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ข้าวสาร น้ำมัน พืชผัก ผลไม้
ฝั่งกัมพูชา นำเข้าสินค้าจำเป็นเกือบทั้งหมดจากไทย เพราะขาดโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง
การปิดด่านจึงเท่ากับตัดเส้นเลือดเศรษฐกิจของพื้นที่ชายแดน และทำให้ความเดือดร้อนกระจายไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่แม่ค้าหาบเร่ ชาวไร่ชาวนา ไปจนถึงทหารที่ต้องอยู่เวรยามโดยไม่มีเสบียง
ทางออกคืออะไร?
หากสถานการณ์ยังคงดำเนินไปเช่นนี้โดยไม่มีการเจรจาอย่างสร้างสรรค์จากทั้งสองประเทศ ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจไม่ใช่แค่ภาพทหารพนมมือขอข้าว แต่คือความร้าวลึกของความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนไทย-กัมพูชาในระยะยาว
ข้อเสนอแนะจากหลายฝ่ายรวมถึงนักวิชาการด้านชายแดนมีดังนี้:
1. จัดตั้งคณะเจรจาระดับท้องถิ่น ระหว่างผู้ว่าฯ นายอำเภอ ผู้นำชุมชน และทหารสองฝั่ง เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน
2. กำหนดพื้นที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ที่สามารถส่งอาหารและน้ำโดยไม่ต้องเปิดด่านการค้าเต็มรูปแบบ
3. ใช้กลไกอาเซียนหรือสื่อมวลชนเป็นสื่อกลาง เพื่อเผยแพร่ข้อเท็จจริงและลดความเข้าใจผิดจากคลิปหรือข่าวลวง
ความหิวไม่เคยมีพรมแดน แต่ความเชื่อใจนั้นต้องใช้เวลา
คลิปทหารเขมรขออาหารอาจดูเหมือนเรื่องเล็กในยุคคลิปไวรัล แต่ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ นี่คือสัญญาณของ “ความเปราะบาง” ระหว่างประเทศที่พึ่งพากันแต่ไร้ระบบสำรองที่มั่นคง
ในที่สุดแล้ว สิ่งที่สังคมต้องถามคือ
เราควรปล่อยให้ประชาชนชายแดนตกอยู่ในความลำบากจากการเมืองระดับสูงหรือไม่?
หรือควรหาทางสร้างสมดุลระหว่างอธิปไตย ความมั่นคง และมนุษยธรรม?
เพราะในขณะที่ด่านยังปิดอยู่ และกระแสออนไลน์ยังร้อนระอุ ทหารสองนายในคลิปอาจเป็นเพียง "เสียงแรก" ของอีกหลายพันเสียงที่ยังไม่มีใครได้ยิน
อ้างอิงจาก: เฟสบุ๊ค ท่านเปา

















