พบนกเพนกวินจักรพรรดิ 38 กลุ่ม จากมูลบนน้ำแข็งผ่านดาวเทียม
ส่องอวกาศเจอเพนกวิน! นักวิจัยค้นพบอาณานิคมใหม่ผ่าน "รอยมูล" บนน้ำแข็ง
ถ้าอยากตามหานกเพนกวินจักรพรรดิให้เร็วที่สุด? นักวิทยาศาสตร์มีวิธีเด็ด คือ การส่องหามูลของพวกมันจากอวกาศ! ทีมวิจัยจาก British Antarctic Survey ประสบความสำเร็จในการค้นพบอาณานิคมเพนกวินจักรพรรดิ 38 แห่งทั่วทวีปแอนตาร์กติกา ด้วยเทคนิคการตรวจหารอยมูลสัตว์ (guano) ที่ติดอยู่บนแผ่นน้ำแข็งผ่านภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่งในจำนวนนี้มีถึง 10 อาณานิคมที่ไม่เคยถูกบันทึกมาก่อน
วิกฤตสภาพภูมิอากาศกับอนาคตที่สั่นคลอน
ย้อนกลับไปในปี 2009 ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งทำนายว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจทำให้เพนกวินจักรพรรดิสูญเสียที่อยู่อาศัยภายในสิ้นศตวรรษนี้ Henri Weimerskirch นักนิเวศวิทยาจากฝรั่งเศส ระบุว่า มีโอกาสถึง 1 ใน 3 ที่ประชากรเพนกวินในอาณานิคมหลักจะหายไปกว่า 95% ภายในปี 2100
ความท้าทายในการศึกษานักว่ายน้ำขั้วโลก
การสำรวจประชากรเพนกวินจักรพรรดิมักพบอุปสรรคใหญ่สองประการ: ในช่วงฤดูร้อนที่นักวิจัยส่วนใหญ่เดินทางไปทำงานบนทวีป เพนกวินจะออกหาอาหารในทะเล ส่วนช่วงฤดูหนาวที่อากาศโหดร้ายเกินไปสำหรับมนุษย์ พวกมันกลับมารวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่บนพืดน้ำแข็งชายฝั่งเพื่อขยายพันธุ์
Peter Fretwell หนึ่งในทีมวิจัยอธิบายว่า "ระหว่างฤดูผสมพันธุ์ที่ยาวนาน 8 เดือน พวกเพนกวินจะอยู่ที่อาณานิคมอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำแข็งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยมูลสัตว์ ซึ่ง正是รอยเปื้อนเหล่านี้เองที่เราสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ"
เทคโนโลยีดาวเทียมกับการตามหารอยเปื้อน
ทีมวิจัยใช้ภาพจาก Landsat Image Mosaic of Antarctica ซึ่งเป็นฐานข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูงของทั้งทวีประหว่างปี 1999-2004 ในการตามหารอยมูลสีน้ำตาลแดงลักษณะเฉพาะ แม้จะพบอาณานิคมใหม่ แต่ก็มี 6 อาณานิคมที่เคยบันทึกไว้เปลี่ยนตำแหน่งและอีก 6 แห่งหายไป ซึ่งนักวิจัยสันนิษฐานว่าอาจเพราะกลุ่มเหล่านี้มีขนาดเล็กเกินไปสำหรับการตรวจจับด้วยวิธีดังกล่าว
เทคนิคการตรวจจับมูลจากอวกาศนี้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของอาณานิคมเพนกวินทั่วทวีปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในอนาคตทีมวิจัยวางแผนที่จะใช้ภาพดาวเทียมความละเอียดสูงยิ่งขึ้นเพื่อนับจำนวนเพนกวินในแต่ละอาณานิคมให้แม่นยำขึ้นอีกด้วย
การค้นพบครั้งนี้ไม่เพียงเปิดเผยที่อยู่ลับๆ ของเพนกวินจักรพรรดิ แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการศึกษาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนต่อสิ่งมีชีวิตขั้วโลก ที่อาจส่งผลให้ "ราชาแห่งแอนตาร์กติกา" เหล่านี้ต้องสูญเสียบ้านในอนาคตอันใกล้

















