สหรัฐฯ เปิดฉากเต็มตัว! ทรัมป์ลั่น โจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน “สำเร็จอย่างมาก”
ทรัมป์สร้างความตะลึง! ประกาศสหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน 3 แห่ง – ยุทธการสายฟ้าแลบที่อาจจุดไฟสงครามตะวันออกกลาง
โลกต้องสะเทือนอีกครั้ง เมื่ออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ของตนว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้ดำเนินการ "โจมตีอย่างสำเร็จ" ต่อโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านถึง 3 แห่ง ซึ่งรวมถึงศูนย์เสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่ฟอร์โด (Fordow) นาทันซ์ (Natanz) และอิสฟาฮาน (Isfahan) ซึ่งล้วนเป็นเป้าหมายสำคัญในโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน
"ระเบิดเต็มถัง" – โจมตีจุดยุทธศาสตร์ในฟอร์โด
ทรัมป์กล่าวด้วยถ้อยคำที่น่าตกใจว่า "ระเบิดเต็มถัง" ถูกทิ้งลงยังหมู่บ้านฟอร์โตในอิหร่าน และอ้างว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดทุกลำของสหรัฐฯ เดินทางกลับฐานอย่างปลอดภัย พร้อมส่งคำขอบคุณถึง “นักรบอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่” ของตน
ข้อความดังกล่าวสร้างความแตกตื่นในแวดวงระหว่างประเทศ เพราะก่อนหน้านั้นเพียง 48 ชั่วโมง ทรัมป์ยังแสดงท่าทีเปิดช่องทางการเจรจากับอิหร่าน ทว่าเพียงข้ามคืน การประกาศความสำเร็จในการโจมตีโครงการนิวเคลียร์ระดับสูงของเตหะราน ก็ได้จุดชนวนวิกฤติระลอกใหม่ในตะวันออกกลางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เสียงระเบิดสะเทือนอิหร่าน – โรงงานสำคัญถูกโจมตี
แหล่งข่าวในอิหร่าน เช่น สำนักข่าว Tasnim และ Fars รายงานยืนยันว่า โรงงานนิวเคลียร์ในฟอร์โด นาทันซ์ และอิสฟาฮาน ได้รับความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศ โดยระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่านสามารถระบุเป้าหมายและยิงตอบโต้ได้บางส่วน แต่ไม่สามารถสกัดการโจมตีได้ทั้งหมด
โฆษกของแผนกจัดการวิกฤตประจำจังหวัดตูมในอิหร่านยอมรับว่า ระบบป้องกันภัยของเมืองคุมที่ตั้งอยู่ใกล้กับฟอร์โด ได้รับการใช้งานจริง และเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วพื้นที่หลายแห่งของประเทศ
อิหร่านลั่น! "จะไม่ยอมยุติโครงการนิวเคลียร์ภายใต้ภัยคุกคาม"
ประธานาธิบดีเปเชชเคียนของอิหร่านออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันที โดยเตือนว่าหากอิสราเอลยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่อง ก็จะมี “การตอบโต้ที่รุนแรงยิ่งขึ้น” พร้อมยืนยันว่า อิหร่านจะไม่ยุติโครงการนิวเคลียร์ "ภายใต้สถานการณ์ใดๆ"
อิหร่านยังคงปฏิเสธว่าตนมีแผนสร้างอาวุธนิวเคลียร์ โดยระบุว่าโครงการของตนนั้นเป็นการพัฒนาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านพลังงานและพลเรือนเท่านั้น แต่สหรัฐฯ และอิสราเอลไม่เชื่อคำกล่าวนี้มาโดยตลอด
อิสราเอลเสริมกำลัง – สังหารผู้บัญชาการอิหร่าน 3 นาย
สถานการณ์ยิ่งทวีความตึงเครียด เมื่ออิสราเอลออกมาอ้างว่า ได้สังหารผู้บัญชาการระดับสูงของอิหร่าน 3 รายจากการโจมตีทางอากาศครั้งล่าสุด และรัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอลออกมาระบุว่า ความก้าวหน้าของโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน "ถูกชะลอไปอีกอย่างน้อย 2 ปี"
พร้อมกันนี้ อิสราเอลยังออกมายอมรับว่าได้โจมตีโรงงานอิสฟาฮานของอิหร่านเป็นครั้งที่สอง โดยเป้าหมายคือเครื่องหมุนเหวี่ยง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม
โลกจับตา! สหรัฐฯ จะเข้าสู่สงครามตะวันออกกลางอีกครั้งหรือไม่?
แถลงการณ์ของทรัมป์กลายเป็นชนวนที่อาจผลักดันให้สหรัฐฯ เข้าสู่ความขัดแย้งเต็มรูปแบบในตะวันออกกลางอีกครั้ง นักการเมืองระดับสูงในพรรคเดโมแครต เช่น ฮาคิม เจฟฟรีส์ ออกมาตำหนิว่า ทรัมป์ "ผลักดันประเทศเข้าสู่สงคราม" โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา และไม่ได้เปิดเผยเจตนารมณ์ที่แท้จริงต่อประชาชน
เจฟฟรีส์ระบุว่า การกระทำของทรัมป์อาจทำให้สหรัฐฯ ต้องติดหล่มในความขัดแย้งที่อาจส่งผลเป็นหายนะ และย้ำว่า “ประชาชนอเมริกันไม่ต้องการสงครามอีกต่อไป”
การตอบโต้ของอิหร่าน – โดรนพลีชีพยิงถล่มอิสราเอล
ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านประกาศว่า ได้ยิงโดรนพลีชีพจำนวนมากไปยัง "เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ทั่วอิสราเอล" ซึ่งอาจถือเป็นการตอบโต้ที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี
สื่ออิหร่านระบุว่า การโจมตีด้วยโดรนนี้ไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์ของการโต้กลับ แต่ยังเป็นการแสดงศักยภาพว่าตะวันออกกลางจะไม่ยอมเป็นเป้าถูกครอบงำโดยชาติตะวันตกอีกต่อไป
พันธมิตรฮูตีในเยเมนเตือน: พร้อมถล่มเรือสหรัฐฯ หากเข้าร่วมสงคราม
ในอีกฟากของภูมิภาค กลุ่มพันธมิตรของอิหร่านอย่างกลุ่มฮูตีในเยเมนได้ออกคำเตือนชัดเจนว่า หากสหรัฐฯ เข้าร่วมสงครามกับอิหร่าน พวกเขาจะโจมตีเรือรบของอเมริกาในทะเลแดงทันที แม้ว่าในขณะนี้จะมีข้อตกลงหยุดยิงระหว่างหลายฝ่ายในเยเมนอยู่ก็ตาม
ความสูญเสียที่จับต้องได้ – พลเรือนล้มตายหลายร้อยราย
ข้อมูลจากองค์กรสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตในอิหร่านอย่างน้อย 657 รายจากเหตุโจมตี โดยในจำนวนนี้รวมพลเรือนถึง 263 ราย ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขอิหร่านเปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลมากกว่า 400 ราย
ขณะที่การตอบโต้จากอิหร่านทำให้มีผู้เสียชีวิตในอิสราเอลอย่างน้อย 25 ราย ตามรายงานของ Agence France-Presse
จุดเปลี่ยนของโลก หรือจุดเริ่มของหายนะ?
แม้ทรัมป์จะกล่าวว่า "ตอนนี้เป็นเวลาสันติภาพ" แต่ข้อเท็จจริงคือคำประกาศของเขาได้จุดไฟแห่งความขัดแย้งอย่างรุนแรงในตะวันออกกลาง การตอบโต้ด้วยอาวุธที่ทั้งสองฝ่ายถือครองอาจบานปลายไปสู่สงครามระดับภูมิภาค และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่มั่นคงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษ
นานาชาติต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะจบลงที่โต๊ะเจรจา หรือจะลากทั้งภูมิภาคเข้าสู่ความโกลาหลอีกครั้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

















