อิสราเอลอ้าง “สังหารผู้ประสานงานทางทหารอิหร่าน-ฮามาส” ได้สำเร็จ
📌 เหตุการณ์ล่าสุด: การลอบโจมตีแบบ “surgical strike” ใจกลางกาซา
เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) โฆษกกองทัพอิสราเอล (IDF) แถลงว่า หน่วยข่าวกรองทางทหารร่วมกับหน่วยรบพิเศษได้ ดำเนินปฏิบัติการแบบเฉพาะจุด (precision strike) ในพื้นที่ใจกลางฉนวนกาซา ซึ่งมีเป้าหมายคือ “บุคคลสำคัญของกองกำลังติดอาวุธฮามาสที่มีสายสัมพันธ์โดยตรงกับรัฐบาลเตหะราน”
แถลงการณ์ระบุว่า:
“เป้าหมายรายนี้มีบทบาทสำคัญในการประสานงานด้านอาวุธ เทคโนโลยี และเงินทุนระหว่างกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) กับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ถือเป็นสะพานหลักของ ‘แกนต้านอิสราเอล’ (Axis of Resistance)”
🧠 วิเคราะห์: ใครคือ “ผู้ประสานงาน” ที่ถูกสังหาร?
แม้อิสราเอลจะยังไม่เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ แต่สื่อในตะวันออกกลาง เช่น Al Arabiya และ Haaretz รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวข่าวกรองว่า เป้าหมายอาจคือ อับเดล-ราฮิม ซาอิด (นามสมมุติ) ซึ่งทำหน้าที่เป็น ตัวกลางด้านการส่งข้อมูลระหว่าง IRGC-Quds Force กับกองบัญชาการทหารของฮามาส
เขามีบทบาทสำคัญใน:
- การจัดซื้ออาวุธแบบไม่เป็นทางการจากเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับเยเมน ซีเรีย และเลบานอน
- การประสานการฝึกอบรมของนักรบฮามาสในดินแดนซีเรีย
- การวางแผน “แนวร่วมข้ามแดน” สำหรับปฏิบัติการพร้อมกันในหลายแนวรบ (Multi-Front Conflict)
จุดสำคัญ: การลอบสังหารผู้ประสานงานระดับนี้ เทียบได้กับการตัด “สายส่งโลจิสติกส์” ที่อยู่หลังแนวหน้า แต่มีผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ในระยะกลางถึงยาว
📊 ความหมายเชิงยุทธศาสตร์: อิสราเอลส่งสัญญาณอะไร?
1. ขีดความสามารถข่าวกรองของอิสราเอลยัง “แม่นยำสูง”
การเข้าถึงตัวเป้าหมายในฉนวนกาซาที่เต็มไปด้วยโครงข่ายใต้น้ำ ใต้ดิน และประชากรหนาแน่น ต้องอาศัยข้อมูลชั้นลึกระดับ HUMINT (Human Intelligence) ซึ่งชี้ว่าอิสราเอลยังมีสายลับหรือหน่วยปฏิบัติการลับอยู่ในโครงสร้างฮามาส
2. การสื่อสารถึงอิหร่านแบบอ้อมๆ
การลอบสังหารในลักษณะนี้ ไม่เพียงมุ่งเป้าฮามาสเท่านั้น แต่ยังเป็น “ข้อความถึงเตหะราน” ว่า ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างอิหร่านกับกลุ่มติดอาวุธใด ๆ จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ไม่ว่าจะอยู่ในดินแดนเลบานอน ซีเรีย หรือกาซา
🔎 นี่คือ “Deterrence by Decapitation” — การตัดหัวกลไกสนับสนุนเพื่อยับยั้งเครือข่ายในภาพรวม
🌍 บริบทภูมิรัฐศาสตร์: เมื่อฮามาสไม่ใช่แค่เรื่องกาซาอีกต่อไป
🔥 “แกนต้านอิสราเอล” หรือ “Axis of Resistance”
เป็นคำที่อิหร่านใช้เรียกเครือข่ายของตนในตะวันออกกลาง ได้แก่:
- ฮามาส (ฉนวนกาซา)
- ฮิซบอลเลาะห์ (เลบานอน)
- กลุ่มชีอะห์ในอิรัก
- กลุ่มฮูษีในเยเมน
- ฝ่ายรัฐบาลซีเรีย
การสังหารบุคคลที่เชื่อมโยงเครือข่ายนี้เข้าด้วยกัน จึงอาจส่งผลคล้าย “การประกาศสงครามนอกสมรภูมิ” ซึ่งอาจจุดกระแสการตอบโต้ในหลายพื้นที่พร้อมกัน
⚖️ วิเคราะห์ทางกฎหมายระหว่างประเทศ
แม้การลอบสังหารผู้มีบทบาททางทหารในสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ อาจตีความได้ว่าอยู่ภายใต้ กฎหมายสงคราม (International Humanitarian Law) หากมีหลักฐานว่าเป็นผู้บัญชาการทางทหาร แต่หากบุคคลดังกล่าวมีสถานะ “ไม่สวมเครื่องแบบ” หรือ “ทำงานนอกระบบการรบปกติ” — ก็อาจกลายเป็นข้อถกเถียงในเวทีนานาชาติว่าการสังหารนั้น ชอบธรรมหรือไม่
🗣️ ปฏิกิริยานานาชาติ:
ประเทศ/องค์กร |
ปฏิกิริยาเบื้องต้น |
อิหร่าน |
ยังไม่ออกแถลงการณ์ แต่สื่อรัฐเริ่มตีข่าวโดยเน้นประเด็น “การรุกรานของไซออนิสต์” |
กลุ่มฮามาส |
ประกาศว่า “การลอบสังหารจะไม่มีผลต่อขวัญกำลังใจ” และ “การตอบโต้กำลังจะมา” |
สหรัฐฯ |
ไม่มีแถลงการณ์โดยตรง แต่ทำเนียบขาวระบุว่า “สนับสนุนสิทธิของอิสราเอลในการป้องกันตนเอง” |
ตุรกี/กาตาร์ |
เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง และเปิดช่องทางมนุษยธรรมในกาซา |
🧭 สถานการณ์จะไปทางไหนต่อ?
- ฮามาสอาจเปิดฉากโจมตีรุนแรงขึ้น เพื่อตอบโต้เชิงสัญลักษณ์ ทั้งในกาซาและพื้นที่อื่น ๆ เช่น เวสต์แบงก์ หรือทางเหนือของอิสราเอล
- อิหร่านอาจสนับสนุนการตอบโต้ทางอ้อม ผ่านกลุ่มพันธมิตร เช่น ฮูษีในเยเมน หรือ PMF ในอิรัก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากกาซา
- สหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรต้องเลือกข้างมากขึ้น เพราะหากวิกฤตลุกลาม ความเป็นกลางจะยากขึ้นเรื่อย ๆ
✍️ บทสรุปจากนักวิชาการ: จุดเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์ในเงามืด
การลอบสังหาร “ผู้ประสานงานอิหร่าน-ฮามาส” ไม่ใช่แค่เรื่องของบุคคลคนหนึ่งหายไป
แต่นี่คือการทำลาย “โครงข่ายต้านตะวันตก” ในระดับเชิงโครงสร้าง
อิสราเอลแสดงให้เห็นถึง ขีดความสามารถทางข่าวกรองและปฏิบัติการเฉพาะจุด ในแบบที่กองทัพอื่นต้องใช้กองพัน แต่ IDF ใช้เพียงหน่วย
ขณะเดียวกัน กลุ่มต้านอิสราเอลจะต้องหาทาง สร้างผู้นำใหม่ และอาจเลือก การตอบโต้ที่ขยายวง เพื่อไม่ให้เครือข่ายของตน “ดูอ่อนแอลง” ในสายตาผู้สนับสนุน
🔥 คำถามคือ… การสังหาร “คนหนึ่งคน” ในวันนี้ จะจุดไฟสงครามที่ไม่มีใครควบคุมได้หรือไม่?
อ้างอิงจาก: bbc cnn


