จับตา "อิหร่าน" โจมตี "อิสราเอล" ทางไซเบอร์!
สงครามความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านกำลังร้อนระอุและเดือดพล่านมาโดยตลอดตั้งแต่มีการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่านเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ในยุคสมัยนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่านอกจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธแล้วการโจมตีทางไซเบอร์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยทีเดียว เนื่องจากการติดต่อสื่อสารและเทคโนโลยีล้ำสมัยหลายๆอย่างในปัจจุบันล้วนพึ่งพาการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเตอร์เน็ตทั้งสิ้น
การโจมตีทางไซเบอร์จากอิหร่านต่ออิสราเอลที่สะเทือนเทลอาวีฟเกิดขึ้นในวันที่ 17 มิถุนายน 2568 เมื่อระบบป้องกันขีปนาวุธ "ไอออนโดม" ของอิสราเอลถูกแฮ็กเกอร์ฝั่งอิหร่านแฮ็กจนทำให้ขีปนาวุธของอิสราเอลเกิดอาการสับสนและขัดข้องจนโจมตีดินแดนของตนเอง และยังมีการรายงานอ้างว่าสำนักงานไซเบอร์แห่งชาติของอิสราเอลก็ได้รับผลกระทบด้วยโดยมีการส่งแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินเพื่อหลอกลวงพลเรือนไม่ให้เข้าไปยังที่หลบภัย สร้างความตื่นตระหนกให้แก่พลเมืองชาวอิสราเอลอย่างมาก
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ทางอิสราเอลพยายามใช้ไอออนโดมยิงขีปนาวุธสกัดเม็ดทรายชนิดทิ้งตัวของอิหร่าน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จนัก ซึ่งมีผู้วิเคราะห์ว่าไออนโดมนั้นถูกออกแบบมาเพื่อสกัดจรวดพิสัยใกล้หรือโดรนทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีการโจมตีทางจิตวิทยาจากทีมนักรบไซเบอร์ของอิหร่านที่แอบเจาะระบบแจ้งเตือนของอิสราเอลให้เปิดเพลงปลุกใจภาษาเปอร์เซียซึ่งเนื้อหาของเพลงมีใจความว่า
"ป้อมไคบาร์ ป้อมไคบาร์ โอ้เจ้าพวกไซออนิสต์
ทัพมุฮัมมัด กำลังไปหา"
โดยป้อมไคบาร์คือป้อมปราการที่แข็งแกร่งของยิวในยุคของศาสดามุฮัมมัดเมื่อประมาณ 1400 ปีก่อน ซึ่งเหล่ายิวที่ทรยศมุฮัมมัดได้ไปรวมตัวกันที่ป้อมไคบาร์ที่แข็งแกร่งจนไม่มีใครตีแตกได้ แต่ในที่ "อาลี" ซึ่งเป็นญาติสนิทและเป็นสาวกของศาสดามุฮัมมัดก็พิชิตป้อมแห่งนี้ได้สำเร็จ สรุปแล้วเนื้อเพลงดังกล่าวคือเพลงปลุกใจให้ชาวอิหร่านสู้กับอิสราเอล
แต่นั่นยังไม่น่าขนลุกเข้ารายงานเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมาจากสำนักข่าว Bloomberg ที่อ้างว่า"อิหร่านกำลังเข้าถึงกล้องวงจรปิดส่วนตัวในอิสราเอลเพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวกรองแบบเรียลไทม์ และสอดส่องภายในประเทศอิสราเอลแบบเรียลไทม์" ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เพื่อประเมินผลการโจมตีด้วยขีปนาวุธ โดยอิหร่านใช้ประโยชน์จากจุดอ่อน อย่างรหัสผ่านของกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่ถูกตั้งไว้อย่างง่ายๆและอ่อนแอต่อการถูกแฮ็ก จนทางการอิสราเอลออกมาเรียกร้องให้พลเมืองรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์เหล่านี้ให้มากขึ้นหรือไม่ก็ปิดใช้งานไปเลย
อย่างไรก็ตามทั้งสองประเทศนี้ต่างก็มีประวัติการโจมตีทางไซเบอร์ซึ่งกันและกันมาแล้วในอดีต นอกจากขีปนาวุธร้ายแรงแล้วสนามรบไซเบอร์ก็เป็นอีกสนามหนึ่งที่ต้องจับตามองเช่นเดียวกัน



















